รวบรวมคำกริยา 3 ช่อง (Verb 3 ช่อง) ในวีชาภาษาอังกฤษเอาไว้มากที่สุด พร้อมความหมายและคำแปลของกริยาแต่ละคำอย่างละเอียด คุณจะได้รู้จักเกี่ยวกับการใช้กริยาในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งกริยาช่องที่ 1, 2, และ 3 ที่จะช่วยให้คุณรู้จัก เข้าใจ และใช้งานได้อย่างถูกต้อง เรียนวิชาภาษาอังกฤษ รู้จักกริยา 3 ช่องนี้ไว้ ได้เปรียบสุดๆ
กริยา 3 ช่อง
กริยา 3 ช่อง ในภาษาอังกฤษ คือ ชุดรูปแบบการเปลี่ยนแปลงรูปของกริยาตาม “เทนส์” (ช่วงเวลา) บอกเล่าเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน อดีต หรือ อนาคต ประกอบด้วย
- ช่องที่ 1 (Base Form): บอกเหตุการณ์ทั่วไปหรือปัจจุบัน เช่น I eat (ฉันกิน)
- ช่องที่ 2 (Past Simple): บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสร็จสิ้นในอดีต เช่น I ate (ฉันกิน)
- ช่องที่ 3 (Past Participle): ใช้ใน Perfect Tense (เช่น I have eaten) บอกเหตุการณ์ที่เริ่มในอดีตและยังส่งผลถึงปัจจุบัน หรือ Passive Voice (เช่น The cake was eaten) บอกเหตุการณ์โดยเน้นผลลัพธ์
การใช้กริยา 3 ช่องอย่างถูกต้อง ช่วยให้คุณสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจน แม่นยำ และสื่อความหมายได้หลากหลาย
กริยา 3 ช่อง คือส่วนสำคัญของแกรมม่าร์ภาษาอังกฤษ ที่มีความสำคัญอย่างมากในการสื่อสารทั้งในชีวิตประจำวันและในการใช้ภาษาเพื่อสื่อสารทางเขียน กริยา 3 ช่อง (หรือ Verb 3 ช่อง) คือคำกริยาของภาษาอังกฤษที่เอาไว้บอกถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆ กัน มีวิธีการเขียนที่บางครั้งก็เหมือนกัน บางครั้งก็ต่างกันออกไปบ้าง
กริยาช่อง 1
กริยาช่อง 1 (Base Form) หรือ Present simple tense นำมาใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างถูกต้อง ภาษาอังกฤษนิยามความหมายของปัจจุบันว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้หรือไม่เกิน 1 นาทีที่ผ่านมา ในกรณีที่ใช้กับบุคคลที่สองจะต้องเติม -s ต่อท้ายคำกริยา เช่น
- I love Japanese food.
- ผมชอบทานอาหารญี่ปุ่น (ยังชอบอยู่ ณ ปัจจุบัน)
- She works at the university.
- เธอทำงานที่มหาวิทยาลัย (ยังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน)
กริยาช่อง 2
กริยาช่อง 2 (Past Form) นำมาใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเน้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว กริยาช่อง 2 มักใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและเสร็จสิ้นไปแล้วโดยไม่มีผลกระทบต่อปัจจุบัน เช่น
- I traveled to London last year.
- ผมเดินทางไปลอนดอนเมื่อปีที่แล้ว
- He opened the door and went out.
- เขาเปิดประตูเดินออกไปแล้ว ประตูเปิดแล้วก็ปิดไปแล้ว ออกไปแล้ว เหตุการณ์จบสิ้นในตัวเอง
กริยาช่อง 3
กริยาช่อง 3 (Past Participle Form) ถูกใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และมีระยะเวลาที่ยาวนานกว่า สามารถถือว่าเหตุการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว หากเหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและมีผลกระทบไปสู่ปัจจุบัน ก็สามารถใช้กริยาช่อง 3 ได้โดยไม่ต้องใช้กริยาช่อง 2 หรือช่อง 1 แทน เช่น
- I‘ve always wanted a piano.
- ฉันเคยอยากได้เปียโนมาสักระยะนึงล่ะ (แต่ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว)
- I have worked here for five years.
- ผมเคยทำงานที่นี่มา 5 ปี (แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว)
กริยา 3 ช่องสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบด้วยกัน
Regular Verbs (กริยาปกติ)
กริยาปกติ ก็คือคำกริยาที่ในช่อง 2 และช่อง 3 ไม่ได้เปลี่ยนตัวสะกดของคำปกติ แต่เติม ed เข้าไปข้างหลังเฉยๆก็ใช้งานได้เลย เช่น
Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|
look | looked | looked | มอง/ดู |
listen | listened | listened | ฟัง |
play | played | played | เล่น |
work | worked | worked | ทำงาน |
Irregular Verbs (กริยาไม่ปกติ)
กริยาไม่ปกติ คือคำกริยาที่ตรงตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
- ทั้งสามช่องสะกดเหมือนกัน
- ช่อง 1 และช่อง 2 สะกดเหมือนกัน
- ช่อง 1 และช่อง 3 สะกดเหมือนกัน
- ช่อง 2 และช่อง 3 สะกดเหมือนกัน
- ทั้งสามช่อง สะกดไม่เหมือนกันเลย
ตัวอย่างเช่น
Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|
cut | cut | cut | ตัด |
beat | beat | beaten | ตี/ทุบ |
come | came | come | มา |
buy | bought | bought | ซื้อ |
begin | began | begun | เริ่มต้น |
สังเกตุเห็นว่าคำกริยาไม่ปกติ หรือ Irregular Verbs จะมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างยากและวุ่นวายพอสมควร ทางที่ดีแนะนำให้จำเฉพาะเงื่อนไขของคำกริยาปกติ (Regular Verbs) ก็พอแล้ว และถ้าเจอคำกริยาไหนที่ไม่ใช่กริยาปกติ ก็จะเป็นกริยาไม่ปกติแทน
กริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อย
นี่คือรายชื่อของคำกริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อย ที่นายติวฟรีคัดเลือกมาให้แล้วครับ
Regular Verbs
# | Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|---|
1. | add | added | added | เพิ่ม |
2. | allow | allowed | allowed | อนุญาต |
3. | arrive | arrived | arrived | มาถึง |
4. | call | called | called | เรียก/โทร |
5. | change | changed | changed | เปลี่ยน |
6. | chat | chatted | chatted | แชท/คุย |
7. | clean | cleaned | cleaned | ทำความสะอาด |
8. | close | closed | closed | ปิด |
9. | earn | earned | earned | ได้/ได้รับ |
10. | finish | finished | finished | ทำเสร็จ |
11. | help | helped | helped | ช่วย |
12. | kiss | kissed | kissed | จูบ |
13. | laugh | laughed | laughed | หัวเราะ |
14. | learn | learned | learned | เรียน |
15. | like | liked | liked | ชอบ |
16. | listen | listened | listened | ฟัง |
17. | live | lived | lived | มีชีวิต/ดำเนินชีวิต |
18. | look | looked | looked | ดู/มอง |
19. | love | loved | loved | รัก |
20. | need | needed | needed | ต้องการ |
21. | open | opened | opened | เปิด |
22. | play | played | played | เล่น |
23. | pull | pulled | pulled | ดึง |
24. | push | pushed | pushed | ดัน |
25. | receive | received | received | ได้รับ |
26. | share | shared | shared | แบ่ง |
27. | start | started | started | เริ่มต้น |
28. | stop | stopped | stopped | หยุด |
29. | talk | talked | talked | พูด/คุย |
30. | text | texted | texted | ส่ง SMS |
31. | thank | thanked | thanked | ขอบคุณ |
32. | touch | touched | touched | จับ/แตะ |
33. | use | used | used | ใช้ |
34. | visit | visited | visited | ไปพบ |
35. | wait | waited | waited | คอย |
36. | walk | walked | walked | เดิน |
37. | want | wanted | wanted | ต้องการ |
38. | wash | washed | washed | ล้าง |
39. | watch | watched | watched | ดู/มอง |
40. | work | worked | worked | ทำงาน |
Irregular Verbs (ทั้งสามช่องสะกดเหมือนกัน)
# | Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|---|
41. | bet* | bet | bet | พนัน |
42. | burst | burst | burst | ระเบิด |
43. | cost | cost | cost | มีราคา (กี่บาท) |
44. | cut | cut | cut | ตัด |
45. | hit | hit | hit | ตี |
46. | hurt | hurt | hurt | ทำให้เจ็บ |
47. | let | let | let | ปล่อย |
48. | put | put | put | วาง |
49. | read | read | read | อ่าน |
50. | set | set | set | ตั้งค่า |
51. | shut | shut | shut | ปิด |
Irregular Verbs (ช่อง 1 และช่อง 2 สะกดเหมือนกัน)
# | Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|---|
52. | beat | beat | beaten | ทุบ/ตี |
Irregular Verbs (ช่อง 1 และช่อง 3 สะกดเหมือนกัน)
# | Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|---|
53. | come | came | come | มา |
54. | run | ran | run | วิ่ง |
55. | become | became | become | เป็น/กลายเป็น |
Irregular Verbs (ช่อง 2 และช่อง 3 สะกดเหมือนกัน)
# | Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|---|
56. | bring | brought | brought | พามา |
57. | build | built | built | สร้าง |
58. | buy | bought | bought | ซื้อ |
59. | catch | caught | caught | จับ |
60. | deal | dealt | dealt | ตกลง/จัดการ |
61. | feed | fed | fed | ให้อาหาร |
62. | feel | felt | felt | รู้สึก |
63. | fight | fought | fought | ต่อสู้ |
64. | find | found | found | ค้นหา |
65. | get | got | got | ทำให้/ได้รับ |
66. | hang | hung | hung | แขวน |
67. | have | had | had | มี/ได้/เป็น |
68. | hear | heard | heard | ได้ยิน |
69. | hold | held | held | ถือ/อุ้ม |
70. | keep | kept | kept | เก็บ |
71. | lay | laid | laid | นอน |
72. | lead | led | led | นำ |
73. | leave | left | left | จากไป |
74. | lend | lent | lent | ให้ยืม |
75. | light* | lit | lit | จุดไฟ/เปิดไฟ |
76. | lose | lost | lost | แพ้ |
77. | make | made | made | สร้าง |
78. | mean | meant | meant | หมายความ |
79. | meet | met | met | พบ |
80. | pay | paid | paid | จ่าย |
81. | say | said | said | พูด |
82. | sell | sold | sold | ขาย |
83. | send | sent | sent | ส่ง |
84. | shine | shone | shone | เปล่งปลั่ง/แวววาว |
85. | shoot | shot | shot | ยิง |
86. | sit | sat | sat | นั่ง |
87. | sleep | slept | slept | นอน |
88. | slide | slid | slid | เลื่อน/ถู |
89. | spend | spent | spent | จ่าย |
90. | stand | stood | stood | ยืน |
91. | stick | stuck | stuck | ติด |
92. | sweep | swept | swept | กวาด |
93. | swing | swung | swung | แกว่ง |
94. | teach | taught | taught | สอน |
95. | tell | told | told | บอก |
96. | think | thought | thought | คิด |
97. | understand | understood | understood | เข้าใจ |
98. | win | won | won | ชนะ |
Irregular Verbs (ทั้งสามช่องสะกดไม่เหมือนกันเลย)
# | Verb ช่อง 1 | Verb ช่อง 2 | Verb ช่อง 3 | ความหมาย |
---|---|---|---|---|
99. | be | was/were | been | เป็น/อยู่/คือ |
100. | begin | began | begun | เริ่มต้น |
101. | blow | blew | blown | เป่า |
102. | break | broke | broken | หัก/ทำให้แตก |
103. | choose | chose | chosen | เลือก |
104. | do | did | done | ทำ |
105. | draw | drew | drawn | วาด |
106. | drink | drank | drunk | ดื่ม |
107. | drive | drove | driven | ขับรถ/ขับยานพาหนะ |
108. | eat | ate | eaten | กิน |
109. | fall | fell | fallen | ตก |
110. | fly | flew | flown | บิน |
111. | forget | forgot | forgotten | ลืม |
112. | freeze | froze | frozen | ทำให้แข็ง |
113. | give | gave | given | ให้ |
114. | go | went | gone | ไป |
115. | grow | grew | grown | เจริญ/เติบโต |
116. | hide | hid | hidden | ซ่อน |
117. | know | knew | known | รู้/ทราบ |
118. | lie** | lay | lain | โกหก |
119. | ride | rode | ridden | ขี่/นั่งบนพาหนะ |
120. | ring | rang | rung | ส่งเสียงดัง/เสียงกระดิ่ง |
121. | rise | rose | risen | ลุกขึ้น |
122. | see | saw | seen | เห็น/ดู |
123. | shake | shook | shaken | สั่น/เขย่า |
124. | show* | showed | shown | แสดง |
125. | sing | sang | sung | ร้องเพลง |
126. | sink | sank | sunk | จม |
127. | speak | spoke | spoken | พูด |
128. | spring | sprang | sprung | เด้งดึ๋ง |
129. | steal | stole | stolen | ขโมย |
130. | swear | swore | sworn | สาบาน |
131. | swim | swam | swum | ว่ายน้ำ |
132. | take | took | taken | เอา |
133. | tear | tore | torn | ฉีก |
134. | throw | threw | thrown | โยน/ขว้าง |
135. | wake | woke | woken | ตื่น |
136. | wear | wore | worn | ใส่ |
137. | weave | wove | woven | ถัก/สาน |
138. | write | wrote | written | เขียน |
ช่วงเวลาของกริยา 3 ช่อง
กริยา 3 ช่องในภาษาอังกฤษ คือ ชุดรูปแบบการเปลี่ยนแปลงรูปของกริยาตาม “เทนส์” (ช่วงเวลา) บอกเล่าเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน อดีต หรือ อนาคต ประกอบด้วย
- ช่องที่ 1 (Base Form): บอกเหตุการณ์ทั่วไปหรือปัจจุบัน เช่น I eat (ฉันกิน)
- ช่องที่ 2 (Past Simple): บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสร็จสิ้นในอดีต เช่น I ate (ฉันกิน)
- ช่องที่ 3 (Past Participle): ใช้ใน Perfect Tense (เช่น I have eaten) บอกเหตุการณ์ที่เริ่มในอดีตและยังส่งผลถึงปัจจุบัน หรือ Passive Voice (เช่น The cake was eaten) บอกเหตุการณ์โดยเน้นผลลัพธ์
ช่องที่ 1 (Base Form)
ช่องที่ 1 เป็นรูปแบบพื้นฐานของกริยา ใช้ในประโยคบอกเล่าทั่วไป เช่น
- I eat mangoes. (ฉันกินมะม่วง)
- She loves you. (เธอรักคุณ)
- We play games. (พวกเราเล่นเกมส์)
ช่องที่ 2 (Past Simple)
ช่องที่ 2 บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสร็จสิ้นในอดีต เช่น
- I ate mangoes yesterday. (ฉันกินมะม่วงเมื่อวาน)
- She loved you before. (เธอรักคุณมาก่อน)
- We played games last week. (พวกเราเล่นเกมส์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว)
ช่องที่ 3 (Past Participle)
ช่องที่ 3 ใช้ใน Perfect Tense เช่น
- I have eaten mangoes all week. (ฉันกินมะม่วงมาทั้งอาทิตย์)
- She has loved you for a long time. (เธอรักคุณมาเป็นเวลานาน)
- We have played games together since we were children. (พวกเราเล่นเกมส์ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก)
ช่องที่ 3 ยังใช้ใน Passive Voice เช่น
- The cake was eaten by the children. (เค้กถูกกินโดยเด็ก ๆ)
- The house was built by a carpenter. (บ้านถูกสร้างโดยช่างไม้)
- The letter was written by my mother. (จดหมายถูกเขียนโดยแม่ของฉัน)
การเลือกใช้ช่วงเวลาของกริยา 3 ช่อง
การเลือกช่วงเวลาของกริยา 3 ช่องให้เหมาะสมกับเหตุการณ์นั้น จะช่วยให้การสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นไปอย่างชัดเจน แม่นยำ และสื่อความหมายได้หลากหลาย ดังนี้
- ช่องที่ 1 ใช้ในประโยคบอกเล่าทั่วไป ปัจจุบัน หรืออนาคต
- ช่องที่ 2 ใช้ในประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสร็จสิ้นในอดีต
- ช่องที่ 3 ใช้ใน Perfect Tense หรือ Passive Voice
ตัวอย่างการใช้ช่วงเวลาของกริยา 3 ช่อง
- Present: I eat mangoes every day. (ฉันกินมะม่วงทุกวัน)
- Past: I ate mangoes yesterday. (ฉันกินมะม่วงเมื่อวาน)
- Future: I will eat mangoes tomorrow. (ฉันจะกินมะม่วงพรุ่งนี้)
- Perfect: I have eaten mangoes all week. (ฉันกินมะม่วงมาทั้งอาทิตย์)
- Passive: The cake was eaten by the children. (เค้กถูกกินโดยเด็ก ๆ)
ช่วงเวลาของกริยา 3 ช่องในภาษาอังกฤษ มีความสำคัญต่อการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้เรียนสามารถเข้าใจและเลือกใช้ช่วงเวลาของกริยา 3 ช่องได้อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจน แม่นยำ และสื่อความหมายได้หลากหลาย
Download PDF
น้อง ๆ ที่ต้องการดาวน์โหลดไฟล์ PDF เพื่อนำไปปรินท์เอง ทางเว็บติวฟรีมีไฟล์ PDF แจกฟรีให้ดาวน์โหลด คลิกที่ปุ่มดาวน์โหลดด้านล่างได้เลย ไฟล์ PDF ของเรามีเนื้อหาครอบคลุมวิชาเรียนทุกวิชา สามารถนำไปใช้ศึกษาหรือติวสอบได้
หมดแล้ว มีเยอะมากเลย ถ้าคำไหนตกหล่นไปล่ะก็ เม้นบอกกันข้างล่างเอาไว้ด้วยนะครับ ผมจะได้เติมให้ได้ครับ วันนี้ลาไปก่อน แล้วเจอกันอีกครั้งครับ
บทสรุป
หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจถึงความหมายและการใช้งานของ “กริยา 3 ช่อง” ในภาษาอังกฤษแล้ว ต่อไปก็คือการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้รับเข้ากับประเด็นต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การพูดคุยกับผู้คน การเขียนรายงาน หรือการอ่านและเขียนเอกสารต่าง ๆ ที่สำคัญ ผู้รับชมติวฟรีก็อาจมีความคาดหวังที่จะปรับปรุงทักษะด้านภาษาอังกฤษของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความรู้เกี่ยวกับกริยา 3 ช่องที่ได้รับจากเว็บติวฟรี ตอนนี้คุณมีทักษะในการใช้งาน “กริยา 3 ช่อง” ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแน่นอน วางใจในความรู้และทักษะที่ได้รับไปในวันนี้ และเริ่มต้นการเรียนรู้ใหม่อย่างมั่นใจกันเถอะ!
ปันย่า says
ควรจะเรียงตามพจนานุกรมนะคะ
นายติวฟรี says
นี่ก็เรียง a-z ตามพจนานุกรมแล้วนะครับ ปันย่าเห็นตรงไหนที่ไม่ได้เรียง รบกวนแจ้งชัดๆเลยนะครับ ผมจะได้เข้าไปดูให้ได้ตรงจุด
Bref says
เรียนคอมครับเป็นน้องใหม่เลยมาติวตัวเองก่อนเปิดเทอม อยากจะถามว่าถ้าจะศึกษาให้ฟังออกเรียงคำพูดเป็นผมควรศึกษาจากจุดไหนบ้าง ส่วนตัวเป็นคนที่อ่านออกแต่แปลได้บางคำ บางครั้งก็รู้ศัพท์แต่เรียงคำพูดที่จะตอบไม่เป็น พอได้รุ่นน้องแนะนำให้มาฝึกกริยา3ช่อง ก็ดีขึ้นมาก แต่ผมควรจะฝึกตรงไหนต่อจากกริยา3ช่องดีครับ
Fah Kornkanok says
กำลังสนุกเหมือนกันค่ะ
Mei Terumi says
ขอบใจมากเลยค่ะ!
Rukia Kuchiki says
ขอบคุณครับเป็นที่รักค่ะ
Phisit says
ช่วยได้จริงๆ
Poppy Pitchayapa says
ขอบคุณครับที่สนใจค่ะ