วิธีการเขียนกาพย์ยานี 11 ตามกฎเกณฑ์ที่ถูกต้อง ให้คล้องจอง ถูกสัมผัสทุกจุด ได้ทั้งคณะและพยางค์ การอ่านกาพย์ยานี 11 พร้อมทั้งตัวอย่างกาพย์ยานี 11 ต่างๆมากมาย
วันนี้เว็บติวฟรีก็นำเอาความรู้ดีๆ มาฝากกันอีกเช่นเคย โดยคราวนี้เป็นเรื่องการเขียน กาพย์ยานี11 ที่หลายๆ คนบอกว่าเขียนยากจัง หาคำที่สัมผัสคล้องจอง ให้ลงพอดีๆ ใน 11 คำนี้ยากเหลือเกิน แต่ถ้าคุณทำตามแผงผังนี้ล่ะก็ รับรองว่าจะเขียนได้อย่างแน่นอน
กาพย์ยานี 11
กาพย์ยานี 11 เป็นคำประพันธ์ไทยประเภทกาพย์ ที่ได้รับความนิยมแต่งมากที่สุด กาพย์ยานี 11 สามารถแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแต่งสลับกับคำประพันธ์ประเภทอื่นและแต่งเพียงลำพัง นิยมใช้บรรยายความงามของธรรมชาติ ความรัก ความเศร้า ความเหงา และเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต มีรูปแบบการเขียนที่แน่นอนด้วย บท บาท และวรรค ตามแผนผังการเขียน
การเขียนกาพย์ยานี 11
กาพย์ยานี11 คือ การแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความต้องการของผู้ส่งสารออกไปเป็น ลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ผู้รับสารสามารถอ่านเข้าใจ ได้รับทราบความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความต้องการเหล่านั้น การถ่ายทอดโดยวิธีบอกเล่าปากต่อปาก หรือที่เรียกว่า “มุขปาฐะ” อาจทำให้สารตกหล่นหรือคลาดเคลื่อนได้ง่าย ลายลักษณ์อักษรหรือที่ตัวหนังสือ ที่แท้จริงคือ เครื่องหมายที่ใช้แทนคำพูดนั่นเอง
แผนผังกาพย์ยานี 11
คณะ
กาพย์ยานี ได้ชื่อว่ายานี 11 เพราะ จำนวนพยางค์ใน 2 วรรค หรือ 1 บรรทัด รวมได้ 11 พยางค์
1 บท มี 4 วรรค วรรคหน้า 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์
สัมผัสระหว่างวรรค ใน 1 บท มีสัมผัส 2 คู่ สังเกตจากแผนผังและตัวอย่าง
สัมผัสระหว่างบท พยางค์สุดท้ายของบทต้น สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่ 2 ของบทถัดไป
พยางค์
พยางค์หรือคำ วรรคแรกมี 5 คำ วรรคหลังมี 6 คำ รวมเป็น 11 คำจึงเรียกว่า “กาพย์ยานี 11” ทั้งบาทเอกและบาทโทมีจำนวนคำเหมือนกัน
สัมผัส
- คำสุดท้ายของวรรคที่ 1 สัมผัสกับคำที่ 1 , 2 และคำที่ 3 ของวรรคที่ 2
- คำสุดท้ายของวรรคที่ 2 สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 3
- คำสุดท้ายของวรรคที่ 4 สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 2 ของบทต่อไป (สัมผัสระหว่างบท)
การอ่านกาพย์ยานี 11
การอ่านกาพย์ยานี 11 จะต้องแบ่งจังหวะการอ่านคำในแต่ละวรรคดังนี้ วรรคแรกมี 5 คำ
วรรคหลังมี 6 คำ การอ่านจึงเว้นเป็นจังหวะตามวรรคคือวรรคหน้าเว้นจังหวะ 2/3 คำ
ส่วนวรรคหลังเว้นจังหวะ 3/3 คำ
ประวัติกาพย์ยานี 11
กาพย์ มีที่มาไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นคำประพันธ์เดิมของไทย หรือรับมาจากชาติอื่น ตำรากาพย์เก่าแก่ที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ กาพย์สารวิลาสินี และ กาพย์คันถะ แต่งเป็นภาษาบาลี ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง แต่สันนิษฐานกันว่าแต่งขึ้นในล้านนาสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนา ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่ง กรุงศรีอยุธยา และเปลี่ยนแปลงมาจากกาพย์มคธเป็นกาพย์ไทยโดยบริบูรณ์ ประมาณรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา
พัฒนาการของกาพย์ยานี 11
กาพย์ยานีในยุคแรก ๆ บังคับเฉพาะสัมผัสระหว่างบาท และสัมผัสระหว่างบทเท่านั้น สัมผัสระหว่างวรรคไม่บังคับ
สมัยอยุธยายุคกลางและยุคปลายได้เพิ่มสัมผัสระหว่างวรรคแรกกับวรรคที่ 2 แล้ว ต่อมา เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร กวีผู้ชำนาญเชิงกาพย์ ทรงเพิ่มสัมผัสสระในคำที่ 2 – 3 วรรคแรก และคำที่ 3 – 4 ในวรรคหลัง อย่างเป็นระบบ ทำให้จังหวะอ่านรับกันเพิ่มความไพเราะมากขึ้น และส่งอิทธิพลมาถึงกวีสมัยรัตนโกสินทร์ ตลอดถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
สุนทรภู่ ก็เป็นอีกตำนานหนึ่งที่ประยุกต์กาพย์ยานีของกรุงศรีอยุธยา โดยให้ความสำคัญกับสัมผัสเป็นหลัก มีการเพิ่มสัมผัสระหว่างวรรคที่ 3 กับวรรคที่ 4 รวมทั้งให้ความสำคัญกับน้ำหนักคำและน้ำเสียงด้วย
ขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงกินกาพย์ยานี โดยละทิ้งสัมผัสไปมากแต่มาเล่นน้ำหนักของคำและทรงใช้สัมผัสอักษรแทนสัมผัสระหลายครั้ง และน่าจะเป็นตัวตั้งสำหรับกาพย์ยุคหลังๆ ครั้งที่นายผี (อัศนี พลจันทร) สร้างสรรค์กาพย์ยานีรูปใหม่
ในยุคกึ่งพุทธกาล นายผี หรือ อัศนี พลจันทร ได้สั่นสะเทือนวงการกาพย์ด้วยลีลาเฉพาะตัว โดยทิ้งสัมผัสในไปมาก หันมาใช้สัมผัสอักษรแทน เน้นคำโดดอันให้จังหวะสละสลวยจนคล้ายอินทรวิเชียรฉันท์กลายๆ
ความไพเราะของกาพย์ยานี 11
ความไพเราะของกาพย์ยานี 11 เกิดจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้
- สัมผัสสระ กาพย์ยานี 11 บังคับสัมผัสสระระหว่างวรรคที่ 1, 2 และ 3 สัมผัสสระนี้ช่วยให้เกิดความไพเราะและราบรื่นในการอ่านออกเสียง
- สัมผัสพยัญชนะ กาพย์ยานี 11 บังคับสัมผัสพยัญชนะระหว่างคำสุดท้ายของวรรคที่ 1 และคำสุดท้ายของวรรคที่ 2 สัมผัสพยัญชนะนี้ช่วยให้เกิดความกลมกลืนและหนักแน่นในการอ่านออกเสียง
- ความสม่ำเสมอของจำนวนพยางค์ กาพย์ยานี 11 กำหนดจำนวนพยางค์ในแต่ละบาทให้เท่ากัน สิ่งนี้ช่วยให้เกิดความสม่ำเสมอและไพเราะในการอ่านออกเสียง
- การใช้คำที่เหมาะสม การเลือกสรรคำที่เหมาะสมในการแต่งกาพย์ยานี 11 จะช่วยให้เกิดความไพเราะและงดงาม
นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว การใช้ภาษาและวรรณศิลป์อย่างเหมาะสมก็มีส่วนสำคัญต่อความไพเราะของกาพย์ยานี 11 ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้คำพ้องความหมายหรือคำไวพจน์ที่เหมาะสม การใช้โวหารและสำนวนโวหารที่ไพเราะ การเลือกใช้คำคล้องจอง เป็นต้น
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11 ที่แสดงให้เห็นถึงความไพเราะ ได้แก่
กาพย์เห่เรือ โดยเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร สุนทรภู่
๏ น้ำนิ่งไหลเอื่อย ค่อยไหลผ่าน ๏ นกร้องขับขาน เสียงดังไพเราะ
กาพย์นิราศ โดยสุนทรภู่
๏ คิดถึงพี่ยิ่งหนักหนา ๏ น้ำตาไหลรินเหมือนสายน้ำ
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11 เหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากาพย์ยานี 11 สามารถแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งบรรยายความงามของธรรมชาติ ความรัก ความเศร้า ความเหงา และเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต
ประโยชน์ของกาพย์ยานี 11
กาพย์ยานี 11 เป็นคำประพันธ์ที่ไพเราะและงดงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนการแต่งคำประพันธ์ไทย สามารถนำไปใช้สร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายรูปแบบ ดังตัวอย่างผลงานกาพย์ยานี 11 ของกวีไทย เช่น กาพย์เห่เรือ กาพย์นิราศ และกาพย์ห่อโคลง เป็นต้น
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
สิบเอ็ดบอกความนัย | หนึ่งบาทไซร้ของพยางค์ |
วรรคหน้าอย่าเลือนราง | จำนวนห้าพาจดจำ |
หกพยางค์ในวรรคหลัง | ตามแบบตั้งเจ้าลองทำ |
สัมผัสตามชี้นำ | โยงเส้นหมายให้เจ้าดู |
สุดท้ายของวรรคหนึ่ง | สัมผัสตรึงสามนะหนู |
หกห้าโยงเป็นคู่ | เร่งเรียนรู้สร้างผลงาน |
อ.ภาทิพ ศรีสุทธิ์
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
เพราะครูผู้นำทาง | ใช่เรือจ้างรับเงินตรา |
พุ่มพานจึงนำมา | กราบบูชาพระคุณครู |
หญ้าแพรกแทรกดอกไม้ | พร้อมมาลัยอันงามหรู |
เข็มดอกออกช่อชู | จากจิตหนูผู้รู้คุณ |
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
คลื่นใจอาลัยคลื่นชีวิต
คลื่นคลั่งทะเลโถม | กระหน่ำโหมทะเลคน |
คลื่นซัดระบัดชล | เฉกจะล้างฤๅอย่างไร |
ยิ้มแย้มแต้มเกลื่อนอยู่ | มินึกรู้เหตุการณ์ใด |
ธรณีพิโรธไย | จึงเข่นฆ่าประชากร |
ฟ้าดินดาวเดือนดับ | คณานับขจายขจร |
เสียงร่ำด้วยร้าวรอน | ร้องหวีดหวาดทะเลตรม |
สายตาที่แตะต้อง | ทุกที่ท้องล้วนทุกข์ถม |
ซากศพกลางเลนตม | สู้แดดลมอย่างเดียวดาย |
ฟ้าพรากจากอกฟ้า | ปวงประชาพาขวัญหาย |
“พุ่ม”เพิ่งฉกรรจ์กาย | ลาลับหมายกรายเยี่ยมฟ้า |
คลื่นใจจึงรวมจิต | ร่วมอุทิศคลื่นศรัทธา |
สยบคลื่นยักษา | ร่วมเยียวยาด้วยคลื่นใจ |
อ.ภาทิพ ศรีสุทธิ์
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
ฝันร้าย๑
เพราะงามจึงตามฝัน | จิตมุ่งมั่นมุ่งหมายมา |
หลายชาติหลายภาษา | ร่วมชะตาชมอ่าวงาม |
หัวเราะระเริงรื่น | แสนสดชื่นอ่าวสยาม |
บ้างมองฟ้าสีคราม | วิ่งไล่ตามโล้คลื่นลม |
บัดเดี๋ยวน้ำเหือดหาย | ม้วนกลับคล้ายจะขู่ข่ม |
สรรพสิ่งต่างดิ่งจม | หวีดระงมตะลึงลาน |
งงงงแล้วคงนิ่ง | เกินไหวติงแม้คืบคลาน |
คลื่นคลั่งเข้าสังหาร | สุดแรงต้านรักษาตัว |
พ่อแม่เหลียวแลลูก | เจ้าบุญปลูกร้องระรัว |
มือหมายคว้าไขว่ทั่ว | โคลนขุ่นมัวกลบเกลื่อนกาย |
ใจหายตายทั้งเป็น | สุดลำเค็ญใต้โคลนทราย |
ใช่เป็นเช่นฝันร้าย | หมื่นชีพวายใต้หาดงาม |
อ.ภาทิพ ศรีสุทธิ์
ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
พฤษภกาสร | อีกกุญชรอันปลดปลง |
โททนต์เสน่งคง | สำคัญหมายในกายมี |
นรชาติวางวาย | มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ |
สถิตทั่วแต่ชั่วดี | ประดับไว้ในโลกา |
บทสรุป
กาพย์ยานี 11 เป็นคำประพันธ์ที่ไพเราะและงดงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนการแต่งคำประพันธ์ไทย สามารถนำไปใช้สร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งบรรยายความงามของธรรมชาติ ความรัก ความเศร้า ความเหงา และเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต
วาวา says
อ.ภาทิพ ศรีสุทธิ์ ประพันธ์เอาไว้เยอะมากเลยค่ะ ชาบู
กัญญานัฐ says
ไฟทุกข์ดับให้หมด เลิกละลดในตัณหา
โทสะคอยนำพา เสื่อมคุณค่าถ้าวุ่นวาย
โมหะคือลุ่มหลง หยิ่งทะนงจะฉิบหาย
ยึดถือในรูปกาย หลงอบายต้องจาบัลย์
ความโลภคือโลภะ ยึดธรรมะสิ่งสร้างสรรค์
ไฟร้ายทำลายกัน ดับความฝันสลายไป
รสทิพย์แห่งความสุข ขจัดทุกข์จิตผ่องใส
คุณธรรมนำจิตใจ เริ่มทางใหม่ในความดี
ดับไฟที่ต้นเหตุ ดับกิเลสจะสุขี
พระธรรมนำชีวี วิเศษศรีที่ค้ำจุน
แสงธรรมอันล้ำเลิศ แสนประเสริฐคอยเกื้อหนุน
ไตรรัตน์อรรถคุณ ดับว้าวุ้นในใจเรา
สิริมา says
คิดอย่างผู้สร้างสรรค์ แต่ละวันวิถีไทย
ทำบุญค้ำจุนใจ เป็นแบบให้ได้ชื่นชม
เด็กไทยจะมีค่า การศึกษาต้องเหมาะสม
ความหวังของสังคม ต้องอบรมบ่มความดี
เส้นทางแต่ละก้าว จะสั้นยาวตามวิถี
สร้างสุขได้เปรมปรีดิ์ ชีวิตนี้จะร่มเย็น
งานหนักเราต้องสู้ หมั่นเรียนรู้มิยากเข็ญ
ยึดธรรมน้อมบำเพ็ญ เพื่อจะเป็นเพชรน้ำงาม
ศรัทธามีมานะ คือตบะมิมองข้าม
ดวงแก้วเจิดแวววาม ถ้าทำตามพุทธองค์
น้ำนิ่งมิติงไหว เหมือนดั่งใจที่สูงส่ง
เยือกเย็นสติคง ทุกอย่างบ่งความเพียงพอ
สุขที่เกิดในจิต คือชีวิตสืบสานต่อ
ทำดีอย่าได้ท้อ จะเกิดก่อความสุขจริง
นัฎ says
สังคมจมความทุกข์ เข้าสู่ยุคน่าหวั่นกลัว
เพลิงบาปฉาบมืดมัว ครอบครองใจใฝ่ความเลว
ต้นสายหลายทางแยก เหมือนชำแรกสู่ห้วงเหว
เบื้องล่างกลางเพลิงเปลว ล้วนกิเลสก่อเภทภัย
มีเงินมีทรัพย์สิน เพราะโกงกินสิ้นโปร่งใส
นับวันชาติบรรลัย เกินกู่กลับ…ซับน้ำตา
แผนที่แห่งพระธรรม หยุดเหยียบย่ำโปรดนำมา
ชี้ทางสร้างปัญญา พ้นหลุมบ่อแห่งอบาย
สุขในธรรมวิถี เป็นสุขที่ไม่มีขาย
ล้ำค่ากว่าสุขกาย นำสังคมสุขร่มเย็น
ลมหายใจเข้าออก สติบอกจิตบำเพ็ญ
แปรทรัพย์รับสุขเป็น ตามแผนที่ความดีงาม
ยิ้มใสจากใจซื่อ โลกเลื่องลือ…ยิ้มสยาม
สุขผลิสันติคาม ลับเลือนหาย…กลัวสายไป
แผ่นดินจักเกิดสุข ต้องดับทุกข์ที่ลามไทย
ด้วยธรรมนำดวงใจ เริ่มต้นใหม่มิสายเกิน
แผนที่แห่งความสุข จักปลอบปลุกทุกทางเดิน
สายกลางทางจำเริญ บ่งชี้ทิศมิผิดพลั้ง
ความสุขสืบวิถี ด้วยความดีเป็นที่ตั้ง
ยึดธรรมเป็นกำลัง สร้างสุขแท้ออย่างแน่นอน
ณัชริชา says
ความสุขทุกสถาน อยู่ที่การแสวงหา
มนุษย์ธรรมดา หวังความสุขกันทุกคน
รู้จักความพอเพียง เพื่อหลีกเลี่ยงอกุศล
มั่นไว้ในใจตน ต้องประพฤติยึดศีลธรรม
ไม่โลภไม่โกรธหลง ชีพมั่นคงนานฉนำ
ตัดจากวิบากกรรม ไม่กอบโกยไม่โกงกิน
ประพฤติสุจริต ไม่ทำผิดฉ้อกังฉิน
ทำดีเพื่อแผ่นดิน และเพื่อชาติศาสน์ราชัน
ความสุขอย่างคนไทย ร่วมน้ำใจไมตรีกัน
ร่วมคิดร่วมสร้างสรรค์ สร้างความรักสามัคคี
เมตตากรุณา มุทิตาและปรานี
มุ่งทำแต่ความดี มีสุขแท้แก่แผ่นดิน
นัฎ says
ความสุขสบายจิต ใช้ชีวิตอย่างสดใส
อยู่ห่างเส้นทางภัย สร้างสุขได้ด้วยใจตน
ใช้เงินซื้อสุขปลอม สุขที่ย้อมความทุกข์ทน
ปลายทางกลางเล่ห์กล ช้ำชีวีมีน้ำตา
ชื่อเสียงเพียงนามลวง เสมือนบ่วงลวงชีวา
สุขปลอมย้อมศรัทธา สุขชั่วครู่แล้วหายไป
สุขจริงสิ่งที่ฝัน ต้องสร้างวันอันสดใส
ครองธรรมนำจิตใจ พึงรู้ยึดประพฤติดี
ทดแทนคุณพ่อแม่ รักดูแลทำหน้าที่
ท่านยิ้มปริ่มไมตรี บ้านอบอุ่นบุญชีวิน
รู้คิดวินิจฉัย ปัญหาใดแก้ไขสิ้น
สร้างสุขทุกเนื้อดิน ภูมิสยามงามใจชน
มีธรรมนำหลักคิด ใช้ชีวิตด้วยเหตุผล
เทิดค่าเมตตาดล ดุจประทีปชีพเรืองรอง
ความสุขอยู่มิไกล รับรู้ได้ด้วยใจมอง
สายกลางคือทางทอง นำพ้นทุกข์…ยุคมืดมัว
รวิสรา says
ความสุขมีค่าล้น เราทุกคนล้วนต้องมี
อยากสุขต้องคิดดี ค่าทวีผลมากมาย
ความสุขมีหลายด้าน ทั้งเรื่องงานและใจกาย
แต่สุขอาจหดหาย ถ้าประมาทหลงมัวเมา
ครอบครัวสอนสิ่งดี เพื่อชีวีของตัวเรา
พ่อแม่ยามแก่เฒ่า จะได้สุขลูกหลานดี
ความรักก่อความสุข ช่วยปลอบปลุกด้วยไมตรี
เพื่อนพ้องและน้องพี่ ปันรอยยิ้มอิ่มน้ำใจ
โรงเรียนบ้านอีกหลัง ตั้งใจฟังครูสอนไป
ความรู้คู่จิตใจ สร้างอนาคตให้งดงาม
สุขดีมีงานทำ เพราะเชื่อคำกระทำตาม
พ่อแม่ครูคอยปราม สอนเด็กดื้อมีวันนี้
ความสุขอยู่ไม่ไกล สอนหัวใจให้คิดดี
ผู้ใหญ่ใส่ใจมี เป็นตัวอย่างสร้างสุขเรา
รวิวรรณ says
ความสุขในชีวิต เกิดจากคิดกระทำดี
เริ่มทำตั้งเเต่นี้ สร้างชีวีมีสุขใจ
ความสุขที่แท้จริง นั่นคือสิ่งอยู่ไม่ไกล
ไม่โลภเอาเปรียบใคร ชีพผ่องใสสุขในธรรม
ความสุขไม่มีขาย แต่หาง่ายพึงจดจำ
แม้นจนทนตรากตรำ สุข “พอเพียง” เลี้ยงชีพตน
หวังสุขแต่ภายนอก ภายในหลอกคอยฉ้อฉล
อยู่ได้ไม่คงทน สุขไม่นานก็ผ่านไป
สุขใจในชีวา ดีเสียกว่าสุขใดใด
ยึดสุจริตไว้ สั่งจิตให้คิดทำดี
สร้างไทยมิไร้สุข ร่วมทำนุกค่าไมตรี
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มี สรรค์ธานีที่มั่นคง
ทำดีน้อยคนเห็น แต่ผลเป็นอานิสงส์
แผ่นทองที่ปิดลง ตรงหลังพระจะก่อคุณ
จับมือสร้างสุขไว้ ผองคนไทยใจอบอุ่น
หลักธรรมจักค้ำจุน ชนทั้งผองครองสุขนาน
ภัททิยา says
ความสุขเหมือนนางฟ้า เทพธิดาบนสวรรค์
เสกเวทย์วิเศษพลัน ทุกคืนวันแสนสุขใจ
นางฟ้าที่ว่านี้ ท่านอยู่ที่หรือถิ่นไหน
ท่านไม่ได้อยู่ไกล อยู่ในใจเราทุกคน
จิตใจของมนุษย์ คือแดนสุดแสนสดใส
แต่ก็มียังไฟ แห่งหัวใจที่ทุกข์ทม
ไฟแผดเผานางฟ้า ไฟโกรธาแสนขื่นขม
ไฟโลภแสนทุขตรม นางฟ้าจมในกองไฟ
ไฟเเสนจะรุ่มร้อน เผาพระพรจากนางฟ้า
เผาไปในทันตา สุขโรยราในทันที
ความสุขก็หมดไป ไม่สดใสไม่สุขขี
ไม่มีซึ่งความดี ในวันนี้แสนทุกข์ใจ
ชีวาแสนโศกเศร้า เพราะตัวเราเองนี่หนา
อยากได้สุขกลับมา เจ้าจงกล้าจงดับไฟ
ดับไฟแห่งความทุกข์ ด้วยน้ำสุขแสนสดใส
ด้วยน้ำแห่งอภัย ด้วยน้ำใจแสนโสภา
นางฟ้ากลับคืนตื่น นางฟ้าฟื้นขึ้นมาใหม่
สุขกลับมาทันใด เพราะใจไม่ร้อนรุ่มเอย
ชูสิน says
มนุษย์สุดประเสริฐ ตั้งแต่เกิดมีชีวา
ชีวิตพัฒนา มาสู่โลกอย่างโชคดี
ร่ำเรียนเขียนหนังสือ หมั่นฝึกปรือเพื่อชีวี
เดินทางสร้างศักดิ์ศรี เพื่อความสุขทุกเวลา
แสงทองที่ส่องชีพ คือประทีปแห่งปัญญา
ส่องทางสร้างชีวา เพื่อชีวิตพิชิตชัย
ความสุขแห่งชีวิต คือดวงจิตอันแจ่มใส
ความสุขของคนไทย คือรักใคร่ไมตรีกัน
รู้รักสามัคคี คือความดีต้องสร้างสรรค์
ผูกมิตรจิตสัมพันธ์ ผูกขวัญให้ไทยร่มเย็น
ถือศาสน์เพื่อพบสุข เร่งดับทุกข์ที่ขุกเข็ญ
ศีลธรรมมุ่งบำเพ็ญ เพื่อเพิ่มให้ใจครองบุญ
อันทานคือการให้ การอภัยยิ่งให้คุณ
เมตตาและการุณย์ อุ่นจิตเอื้อรักเจือจาน
ความสุขซึ่งสุขจริง สุขอย่างยิ่งคือนิพพาน
สุขแท้ตลอดกาล ไม่เกิดแก่ไม่เจ็บตาย
อรัญญา says
โลกดั่งโรงละคร บ้างอาทรบ้างท้อถอย
สิ่งหนึ่งซึ่งรอคอย คือความสุขของทุกคน
ทำงานเพื่อหาเงิน ความเจริญคือดอกผล
ชีวิตต้องดิ้นรน เพื่อความสุขทุกชีวา
สุขได้ไม่เป็นหนี้ ธรรมวิถีแห่งศาสดา
ใช้จ่ายซึ่งเงินตรา แต่พอเพียงเลี้ยงครอบครัว
มุ่งสร้างทางกุศล มิหมองมลมิเมามัว
ห่วงบ้านต้องล้อมรั้ว และล้อมรักให้ภิรมย์
สร้างสุขให้เกิดสุข เพื่อดับทุกข์อันขื่นขม
ความสุขโลกนิยม ว่าเป็นเยี่ยมแห่งชีวี
สุขแท้พระกล่าวขาน คือนิพพานสานสุขศรี
สุขใดในโลกนี้ ไม่สุขเท่าเข้าถึงธรรม
นิพพานเป็นสุขยิ่ง คือความจริงนานฉนำ
ตัดเวรและตัดกรรม ไม่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย
สุภัชชา says
ความสุขนั้นหาได้ ด้วยการให้ความสำคัญ
ความรักความผูกพัน ผูกน้ำใจผูกไมตรี
ความสุขในครอบครัว ไม่หมองมัวผิดวิถี
มุ่งทำแต่ความดี ทั้งการให้อภัยกัน
ทุกแรงแสวงหา ทุกศรัทธาความสุขสันต์
ชีวิตย่อมผูกพัน ทุกข์และสุขทุกเวลา
ถึงทีมีทุกข์บ้าง เร่งหาทางดับปัญหา
สุขมีที่ปัญญา อย่าตรอมตรมนอนจมทุกข์
แสงทองยังส่องภพ ชีพต้องสบซึ่งความสุข
ธรรมะช่วงประยุกต์ ช่วยปลอบปลุกหทัยชน
รักชาติรักศาสน์พร้อม เอารักล้อมน้อมกุศล
ความสุขอยู่ที่ตน ประพฤติตามงามทางบุญ
ความสุขของคนไทย คืออภัยใฝ่การุณย์
เมตตามานำหนุน อุ่นอ้อมใจมิตรไมตรี
ความสุขของประเทศ ทุกคามเขตร่วมทำดี
รวมรักสามัคคี ปรองดองไทยให้สุขเอย
สรัล says
โคลงสอนให้เราเข้าใจความหมายและความลึกลับในวรรณคดีไทย
อัครพล says
การอ่านและเข้าใจโคลงช่วยเราในการคิดวิเคราะห์
รัตนชนก says
โคลงเป็นทรัพยากรที่มีความความสำคัญในการศึกษาวรรณคดี
สิทธิพล says
การเรียนรู้โคลงช่วยเพิ่มความรู้และความเข้าใจในวรรณคดีไทย
Witthaya says
การเรียนรู้โคลงเสริมสร้างทักษะในการรับรู้และการเรียนรู้
ปุ๊ก says
โคลงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการนำเสนอวรรณคดีไทยให้น่าสนใจ
Suphan says
การอ่านและแสดงโคลงสามารถเพิ่มความสนใจในวรรณคดี
รัตนชนก says
การศึกษาโคลงช่วยในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน
นาครณ says
การแสดงโคลงสามารถเสริมสร้างความมั่นใจในการพูด
GOT7 says
ขอบคุณค่ะเป็นที่รักค่ะ
สิทธิพล says
โคลงเป็นวิธีที่น่าสนุกในการเรียนรู้วรรณคดีไทย
Wattanapong says
สนุกสุดๆ ค่ะ
GamingDude007 says
อันนี้ดีมาก
สุริยา ราชสวัสดิ์ says
ช่วยได้มากเลย
วสุ says
การแสดงโคลงสามารถเสริมสร้างทักษะการพูดและการสื่อสาร