ตำนานรักพระลอ เป็นหนึ่งในตำนานพื้นบ้านของไทยที่ควรรู้จัก เนื้อเรื่องมาจากวรรณกรรมของไทยเรื่องลิลิตพระลอ เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ที่เมืองสองของจังหวัดแพร่ในภาคเหนือ
จังหวัด: แพร่ ภาคเหนือ
เนื้อเรื่อง
ตำนานรักพระลอ เกิดขึ้นที่จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นจังหวัดในภาคเหนือของไทย ท้าวแมนสรวงเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองแมนสรวง พระองค์มีพระมเหสีทรง พระนามว่า “นาฏบุญเหลือ” ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสพระนามว่า “พระลอดิลกราช” หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆว่า “พระลอ” กิตติศัพท์ว่าพระองค์เป็นหนุ่มรูปงามเลื่องลือไปทั่วสารทิศจนไปถึงเมืองสรอง ( อ่านว่า เมืองสอง ) ซึ่งเป็นเมืองที่ปกครองโดยท้าวพิชัยวิษณุกร พระองค์มีพระนามว่า “พรดาราวดี” และทั้งสองพระองค์มีพระธิดาผู้เลอโฉมถึงสองพระองค์พระนามว่า “พระเพื่อน” และ “พระแพง”
เจ้าหญิงเพื่อนและเจ้าแพงได้ยินว่า พระลอเป็นชายหนุ่มรูปงามก็เกิดความสนใจใคร่จะได้ยลโฉม สอง พี่เลี้ยงคือนางรื่น และนางโรยสังเกตเห็นความกระตือรือร้นของนายหญิงของตนก็เข้าใจในพระประสงค์ของทั้งสองพระองค์ สองพี่เลี้ยงจึงอาสาที่จะจัดให้นายสาวของตนได้พบกับพระลอ โดยการส่งคนไปขับซอในนครแมนสรวง ในขณะขับซอ นักดนตรีพรรณนาถึงความงามของเจ้าหญิงทั้งสอง ในขณะเดียวกันพี่เลี้ยงทั้งสองก็ได้ไปหาปู่เจ้าสมิงพราย เพื่อให้ช่วยทำเสน่ห์ให้พระลอหลงใหลในเจ้าหญิงทั้งสอง
เมื่อต้องมนต์เสน่ห์เข้าก็ทำให้พระลอใคร่ที่จะได้ยลโฉมพระเพื่อนพระแพงยิ่งนัก พระองค์เกิดความคลั่งไคล้จนไม่เป็นอันเสวยพระกระยาหารใด ๆ ได้เลย พฤติกรรมอันเปลี่ยนไปของพระองค์นี้ ทำให้พระราชชนนีสงสัยว่าจะมีผีมาเข้าสิงสู่ แต่ถึงแม้ว่าจะหาหมอผีมาประกอบพิธีขับไล่ผีก็ไม่เป็นผล เพราะพระราชโอรสยังคงมีพฤติการณ์อย่างเดิม
เพื่อที่จะได้ยลโฉมเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ผู้เลอโฉมด้วยพระองค์เอง พระลอจึงทูลลาพระราชชนนีออกประพาสป่า แต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อที่จะได้ยลโฉมเจ้าหญิงแห่งเมืองสรองนั่นเอง จากนั้นพระลอก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองสรองพร้อมด้วยบ่าวสนิทอีก 2 คน คือ นายแก้ว กับนายขวัญ พร้อมกับไพร่พลอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดต้องเดินบุกป่าผ่าดงขึ้นเขาลงห้วยจนกระทั่งมาพบแม่น้ำสายหนึ่งมีชื่อว่า “แม่น้ำกาหลง”
และที่แม่น้ำกาหลงนี้เอง ที่พระลอได้ตั้งอธิฐานเสี่ยงน้ำเพื่อตรวจดูดวงชะตาของพระองค์ ทันทีที่สิ้นคำอธิษฐานในทันใดนั้นในแม่น้ำก็เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ายเลือดและไหลเวียนวนผิดปกติ พระลอก็ทราบได้ว่าปรากฏการณ์นี้เป็นลางร้ายรออยู่เบื้องหน้าของพระองค์ แต่ก็ไม่ทำให้พระองค์เกิดความย่อท้อที่จะได้พบกับหญิงสาวที่พระทัยของพระองค์เรียกร้อง ถึงแม้ว่าพระองค์เองจะไม่เคยพบนางเลย แต่พระองค์เกิดคลั่งไคล้ในตัวนางทั้งสองยิ่งนัก
ในทำนองเดียวกันเจ้าหญิงทั้งสองก็รอการเดินทางมาของเจ้าชายรูปงามด้วยความกระวนกระวายพระทัย และเกรงว่ามนต์เสน่ห์ของปู่เจ้าสมิงพรายจะไม่เห็นผลในทันที จึงได้ขอร้องปู่เจ้าสมิงพรายอีกครั้งให้ช่วยเนรมิตไก่งามขึ้นตัวหนึ่งที่มีเสียงขันไพเราะ ทั้งสองพระองค์คิดว่าไก่ตัวนั้นจะต้องทำให้พระลอเกิดสนพระทัยและติดตามาจนถึงเมืองสรองอย่างแน่นอน
และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่เจ้าหญิงสองตาดหมาย พระลอได้ติดตามไก่เนรมิตไปจนถึงพระราชอุทยาน และได้พบเจ้าหญิงทั้งสองซึ่งกำลังทรงสำราญอยู่ที่นั่น ทันทีที่ทั้งสามได้พบกันก็เกิดความเสน่หาผูกสมัครรักใคร่กันในบัดดล แลก็เป็นเวลาเดียวกับที่นายแก้วกับนายขวัญก็ได้ตกหลุมรักของนางรื่นและนางโรย ผู้ซึ่งเปิดหัวใจต้อนรับชายหนุ่มทั้งสองโดยไม่รีรอ เช่นกัน ผลปรากฏว่า พระลอและบ่าวคนสนิทของพระองค์ลักลอบเข้าไปอยู่ในพระตำหนักชั้นในซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้าหญิงทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม ความลับนี้ก็ถูกเปิดเผยเข้าจนได้เมื่อข่าวได้ไปถึงพระกรรณของพระราชาผู้ซึ่งเสด็จมาไต่สวนในทันที และเมื่อพระลอกราบทูลให้ทรงทราบเรื่องราวทั้งหมดในตอนแรก พระองค์ก็ทรงกริ้วมาก แต่ก็ทรงเข้าพระทัยในความรักของคนทั้งสาม และทรงจัดพิธีอภิเษกสมรสให้ทั้งสามพระองค์ทันที
ด้วยการอ้างเอาพระราชโองการของพระราชโอรสของพระนางคือ ท้าวพระพิชัยวิษณุกร พระเจ้าย่าจึงสั่งให้ทหารล้อมพระลอและไพร่พลเอาไว้ ในขณะที่พระลอกับไพร่พลต่อสู้เอาชีวิตรอดอยู่นั้นพระนางก็สั่งให้ทหารระดมยิงธนูเข้าใส่ ธนูที่พุ่งมาใส่พระองค์และไพร่พลนั้นราวกับห่าฝนจนไม่อาจจะต้านทานได้ และเพื่อปกป้องชีวิตของชายคนรักพระเพื่อนกับพระแพงจึงเข้ามาขัดขวางโดยใช้ตัวเองเป็นโล่กำบังให้พระลอ แต่อนิจจาทั้งสามต้องมาสิ้นพระชนม์ในอ้อมกอดของกันและกันท่ามกลางศพของบ่าวไพร่ ณ ที่ตรงนั้นเอง ทันใดนั้นทั้งสองเมืองก็ต้องตกอยู่ในความวิปโยคต่อการจากไปของทั้งสามพระองค์ผู้บูชาในรักแท้ ถึงแม้เรื่องราวจะจบเพียงแค่นี้ แต่เนื้อเรื่องก็ยังกินใจผู้อ่านไปอีกนานแสนนาน
ที่มา
Prakit Rukloey says
ขอบคุณข้อมูลแน่นๆ