เดือนภาษาอังกฤษ
ทั้ง 12 เดือน
พร้อมตัวย่อและคำอ่าน
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สำคัญในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาอังกฤษจะเปิดประตูแห่งโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาต่อ การทำงาน หรือการท่องเที่ยว การเขียนเดือนในภาษาอังกฤษ เป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานที่ควรรู้ เพราะเดือนนั้นปรากฎในชีวิตประจำวันของเราเสมอ เช่น บนปฏิทิน บนเอกสารต่างๆ หรือแม้กระทั่งในการสนทนาออนไลน์ทั่วไป
ในวันนี้ เว็ปติวฟรีมาสรุปคำแปลภาษาอังกฤษทั้ง 12 เดือน ทั้งชื่อเต็มและชื่อย่อในภาษาอังกฤษ คำอ่านและคำแปล นอกจากนี้ยังมีตัวย่อเดือนภาษาอังกฤษที่เป็นที่นิยมใช้ในประกาศหรือเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวันและเดือน เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเดือนในภาษาอังกฤษได้อย่างเต็มที่
การเรียนรู้เรื่องเดือนในภาษาอังกฤษ ถือเป็นส่วนสำคัญในการศึกษาและในชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก หากเราเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนกิจกรรมหรือการทำงานในสถานการณ์ต่าง ๆ เราก็สามารถที่จะคุ้นเคยกันมันได้ไม่ยาก
เดือนภาษาอังกฤษ พร้อมตัวย่อ
เดือนภาษาไทย | เดือนภาษาอังกฤษ | คำอ่าน | ตัวย่อ |
---|---|---|---|
เดือนมกราคม | January | แจน-ยัว-รี | JAN |
เดือนกุมภาพันธ์ | February | เฟบ-รู-เออ-รี | FEB |
เดือนมีนาคม | March | มาร์ช | MAR |
เดือนเมษายน | April | เอ-พริล | APR |
เดือนพฤษภาคม | May | เม | MAY |
เดือนมิถุนายน | June | จูน | JUN |
เดือนกรกฎาคม | July | จู-ลาย | JUL |
เดือนสิงหาคม | August | ออ-กัส | AUG |
เดือนกันยายน | September | เซ็ป-เท็ม-เบอร์ | SEP |
เดือนตุลาคม | October | ออค-โท-เบอร์ | OCT |
เดือนพฤศจิกายน | Novermber | โน-เวม-เบอร์ | NOV |
เดือนธันวาคม | December | ดี-เซ็ม-เบอร์ | DEC |
ในปัจจุบัน ภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการสื่อสารระหว่างประเทศและระหว่างชาติ ซึ่งมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคมอย่างมาก การรู้จักเดือนภาษาอังกฤษจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สื่อสารได้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันทั่วโลก การเรียนรู้วัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษช่วยให้คนที่ใช้ภาษานี้สามารถเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นในการจองตั๋วเครื่องบิน การส่งจดหมายหรือเอกสารต่าง ๆ และการอ่านปฏิทินสากล เพื่อติดตามวันหยุดหรือวันสำคัญในทางศาสนาหรือวัฒนธรรมของชาติ
ดังนั้น ความรู้ในการเขียนวันที่และการเรียนรู้เดือนภาษาอังกฤษนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันของเรา และเพื่อความถูกต้องและความชัดเจนในการเขียนข้อมูล ควรศึกษาและเรียนรู้วิธีการเขียนต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการระบุวัน เดือน ปี ให้เป็นไปตามหลักการของภาษาอังกฤษ
การเขียนวันที่ ในภาษาอังกฤษ ตามหลักสากล
หลักสากลในที่นี่ ถูกใช้กันในทุกประเทศทั่วโลก (ยกเว้นอเมริกา และแคนาดา) การเขียนวันที่ ในภาษาอังกฤษ ตามหลักสากล จะใช้เลขอารบิก เรียงตามลำดับจากซ้ายไปขวา ดังนี้
วัน (day) / เดือน (month) / ปี (year)
การเขียนวันที่แบบ “วัน เดือน ปี” เป็นวิธีที่นิยมใช้ในประเทศไทยและหลายประเทศในเอเชีย โดยในรูปแบบนี้จะขึ้นต้นด้วยวันที่ ตามด้วยเดือนและปี ตัวอย่างเช่น
วันที่ | ภาษาอังกฤษเต็ม | ภาษาอังกฤษย่อ |
---|---|---|
1 มกราคม 2030 | 01 January 2030 | 1-Jan-30 |
3 กุมภาพันธ์ 2030 | 03 February 2030 | 3-Feb-30 |
5 มีนาคม 2030 | 05 March 2030 | 5-Mar-30 |
7 เมษายน 2030 | 07 April 2030 | 7-Apr-30 |
9 พฤษภาคม 2030 | 09 May 2030 | 9-May-30 |
11 มิถุนายน 2030 | 11 June 2030 | 11-Jun-30 |
13 กรกฎาคม 2030 | 13 July 2030 | 13-Jul-30 |
15 สิงหาคม 2030 | 15 August 2030 | 15-Aug-30 |
17 กันยายน 2030 | 17 September 2030 | 17-Sep-30 |
19 ตุลาคม 2030 | 19 October 2030 | 19-Oct-30 |
21 พฤศจิกายน 2030 | 21 November 2030 | 21-Nov-30 |
23 ธันวาคม 2030 | 23 December 2030 | 23-Dec-30 |
นอกจากนี้ เราสามารถเขียนวันที่ในรูปแบบตัวเลขล้วนได้อีกด้วย เช่น
- วันที่ 1 มกราคม 2030 เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า 1/1/2024 หรือ 01/01/2024 ก็ได้
- วันที่ 25 ธันวาคม 2030 เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า 25/12/2023 หรือ 25/12/2023 ก็ได้
อย่างไรก็ตาม การเขียนวันที่ในรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ นิยมใช้กันเฉพาะในเอกสารทางราชการหรือเอกสารทางธุรกิจเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว เราจะนิยมใช้การเขียนวันที่ในรูปแบบเต็มตามหลักสากลกันมากกว่า
วิธีการเขียนนี้สะดวกและเข้าใจง่ายในการใช้งานประจำวัน เนื่องจากเป็นรูปแบบที่เราใช้ในทางปฏิบัติที่สามารถอ่านและเข้าใจได้โดยง่าย และมักใช้ในหลายบริบททั้งในการสื่อสารทางราชการ และส่วนตัว เช่น ในบันทึกการนัดหมายหรือใบจองตั๋วเครื่องบิน
การเขียนวันที่แบบ “วัน เดือน ปี” เป็นวิธีที่ชัดเจนและสามารถใช้ได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะอยู่ที่ประเทศไหน ดังนั้น เมื่อต้องการสื่อสารกับคนที่อาจมาจากประเทศต่าง ๆ การเขียนวันที่แบบนี้อาจจะช่วยลดความสับสนและเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรรู้จักวิธีการเขียนวันที่ที่นิยมในสถานที่หรือประเทศที่คุณกำลังสื่อสารด้วย เพื่อความชัดเจนและเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
การเขียนวันที่ ในภาษาอังกฤษ ตามหลักอเมริกัน
การเขียนวันที่ ในภาษาอังกฤษ ตามหลักอเมริกัน ซึ่งในโลกนี้ใช้กันอยู่เพียงสองประเทศด้วยกันคือสหรัฐอเมริกา และแคนาดา จะเปรี้ยวหน่อย เขียนเดือนขึ้นก่อน ตามด้วยวัน แล้วตามด้วยปี ดังนี้
เดือน (month) / วัน (day) / ปี (year)
ตัวอย่างเช่น
วันที่ | ภาษาอังกฤษเต็ม | ภาษาอังกฤษย่อ |
---|---|---|
1 มกราคม 2030 | January 1, 2030 | 1/1/2030 |
3 กุมภาพันธ์ 2030 | February 3, 2030 | 2/3/2030 |
5 มีนาคม 2030 | March 5, 2030 | 3/5/2030 |
7 เมษายน 2030 | April 7, 2030 | 4/7/2030 |
9 พฤษภาคม 2030 | May 9, 2030 | 5/9/2030 |
11 มิถุนายน 2030 | June 11, 2030 | 6/11/2030 |
13 กรกฎาคม 2030 | July 13, 2030 | 7/13/2030 |
15 สิงหาคม 2030 | August 15, 2030 | 8/15/2030 |
17 กันยายน 2030 | September 17, 2030 | 9/17/2030 |
19 ตุลาคม 2030 | October 19, 2030 | 10/19/2030 |
21 พฤศจิกายน 2030 | November 21, 2030 | 11/21/2030 |
23 ธันวาคม 2030 | December 23, 2030 | 12/23/2030 |
หรือถ้าจะเขียนย่อ ก็จะใช้ตัวเลขล้วนๆ เช่น
- วันที่ 1 มกราคม 2030 เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า 01/01/2024
- วันที่ 25 ธันวาคม 2030 เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า 12/25/2023
การเขียนวันที่ ตามหลักอเมริกันนี้ นิยมใช้กันทั่วไปในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวมไปถึงในเอกสารทางราชการและเอกสารทางธุรกิจต่างๆ ที่ต้องติดต่อกับประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา
การสับสนเรื่องวันที่ ในภาษาอังกฤษ ระหว่างระบบสากล และระบบอเมริกัน
การเขียนวันที่ในระบบสากลและอเมริกัน มีความแตกต่างกันตรงที่ ระบบสากลจะเขียนด้วย วัน/เดือน/ปี แต่ระบบอเมริกันจะเขียนด้วย เดือน/วัน/ปี ซึ่งถ้าเขียนวันที่เต็มเช่น 10 January 2025 อันนี้เราไม่สับสนแน่นอน แต่ปัญหาจะตามมาถ้าหากเจอวันที่แบบตัวเลขล้วน
คุณคิดว่าวันที่ต่อไปนี้ คือวันอะไร เดือนอะไร?
10/11/2025
ก) 10 November 2025
ข) October, 11 2025
นั่นไง งงใช่ไหม! และคำถามนี้ก็ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องด้วย เนื่องจากว่าโจทย์จะต้องให้รายละเอียดมามากกว่านี้ว่า คนที่เขียนวันที่นี้ เป็นคนชาติอะไร เขียนวันที่นี้ที่ไหน ติดต่อกับคนชาติอะไรเป็นต้น
ดังนั้นทุกครั้งเมื่อเจอวันที่ย่อแบบนี้ ถ้าหากนักเรียนไม่แน่ใจว่าคนสื่อสารเป็นคนชาติอะไรแล้วล่ะก็ ให้ถามย้ำทุกครั้งอีกรอบก่อนเพื่อความมั่นใจเสมอนะครับ จะได้ไม่สื่อสารผิด ไม่จองอะไรผิดห่างไปเป็นเดือน
สรุปเรื่องหลักการเขียนวันที่ด้วยภาษาอังกฤษ
การเขียนวันที่แบบอเมริกันสามารถใช้ได้ทั่วโลกก็จริง แต่ควรระวังในกรณีที่มีความสับสนเกี่ยวกับรูปแบบการเขียนวันที่ และควรทราบว่าในบางประเทศอาจใช้รูปแบบการเขียนวันที่แบบอื่น เช่น วัน/เดือน/ปี หรือปี/เดือน/วัน ดังนั้น เมื่อต้องการให้ข้อมูลวันที่มีความชัดเจนในการสื่อสาร ควรรู้จักแบบการเขียนวันที่ที่เป็นที่นิยมในประเทศหรือสถานที่ที่คุณกำลังสื่อสารด้วย
วิธีดูหลักการเขียนวันที่คร่าวๆ
- คนเขียนเป็นอเมริกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็เขียนด้วยหลักอเมริกัน
- คนเขียนเป็นอังกฤษ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็เขียนด้วยหลักสากล
- คนเขียนเป็นคนเกาหลี อยู่ที่อเมริกา เขียนด้วยหลักอเมริกัน
- คนเขียนเป็นคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะเขียนผสมทั้งสองหลัก
หรือใช้วิธีง่ายๆ ที่สามารถหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดในเรื่องวันที่ ด้วยการเขียนวันที่เต็ม เขียนเดือนด้วยภาษาอังกฤษแทนที่จะใช้ตัวเลข เท่านี้ คุณก็จะไม่เกิดการสื่อสารผิดเกี่ยวกับวันที่อีกต่อไปแล้วล่ะ!
นักเรียนคิดว่าการเขียนวันที่ ในภาษาอังกฤษ ตามหลักสากลหรือหลักอเมริกัน แบบไหนที่อ่านง่ายและเข้าใจง่ายกว่ากันครับ?
พวกเราชาวติวฟรีคิดว่าการเขียนวันที่ ตามหลักสากลนั้น อ่านง่ายและเข้าใจง่ายกว่าการเขียนวันที่ ตามหลักอเมริกัน เพราะการเขียนวันที่ ตามหลักสากล เรียงลำดับจากซ้ายไปขวาตามลำดับของเวลาตามธรรมชาติ คือ วัน เดือน ปี ในขณะที่การเขียนวันที่ ตามหลักอเมริกันนั้น เรียงแบบ กลาง ซ้าย ขวา กลายเป็น เดือน วัน ปี ซึ่งอาจทำให้สับสนได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรูปแบบก็สามารถใช้สื่อสารได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความนิยมของแต่ละประเทศหรือแต่ละองค์กร
บทสรุป
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเดือนและวันในภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อสารและใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเราจะใช้ในการอ่านปฏิทินสากลเพื่อวางแผนกิจกรรมของเรา หรือการเขียนจดหมาย หรือเพื่อเข้าใจวันหมดอายุของเอกสารทางกฎหมาย หรือแม้กระทั่งเมื่อต้องเตรียมเอกสารสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ
เราจะพบว่าความรู้เรื่องนี้มีประโยชน์มากในชีวิตประจำวันของเรา ภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างประเทศและในสังคมนานาชาติ ดังนั้นการทราบวันและเดือนในภาษาอังกฤษไม่เพียงเป็นการพัฒนาทักษะภาษาเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราปรับตัวและประสบความสำเร็จในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษอาจดูเหมือนยาก แต่ถ้าเราตั้งใจและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เราก็สามารถทำได้ การเขียนเดือนในภาษาอังกฤษเป็นเพียงทักษะพื้นฐานเท่านั้น อย่าหยุดเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพราะภาษาอังกฤษจะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
ที่มาของข้อมูล:
Roy Mustang says
ครูคนนี้สอนได้เข้าใจค่ะ
Everglow says
ขอบคุณครับมากมากค่ะ
Thanakrit says
ขอบคุณค่ะให้หายหิวค่ะ!
Winry Rockbell says
ขอบคุณครูที่ใส่ใจเราค่ะ
KingKongGamer says
มีประโยชน์อย่างแน่นอน
ปาล์ม รัตนศรี says
ดีเหลือเกินเลย
CoolCucumber says
ขอบคุณครับมากมากค่ะ
Sakura Haruno says
ขอบคุณครับเลย