บทแผ่เมตตา ให้ตนเอง พร้อมบทแผ่ส่วนกุศล เสริมสิริมงคล

การแผ่เมตตา

การแผ่เมตตา คือบทสวดมนต์ที่มีความสำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาดีและความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าคน สัตว์ เทวดา หรือแม้กระทั่งสัมภเวสี การแผ่เมตตาจะช่วยให้จิตใจของเราสงบ เยือกเย็น และมีความสุขมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลมีความสุขไปกับเราด้วยอีกทางหนึ่ง

บทแผ่เมตตา

บทแผ่เมตตา คือบทสวดที่ช่วยให้เราสงบ มีสมาธิ จิตใจบริสุทธิ์ ให้มีจิตตั้งมั่นในความปรารถนาดีที่จะแผ่เมตตาให้กับตัวเองและผู้อื่น อุทิศส่วนกุศลของเราให้กับผู้อื่นที่เราคิดถึง บทแผ่เมตตาเป็นบทสวดที่นิยมใช้ในการสวดมนต์และปฏิบัติธรรม โดยส่วนใหญ่แล้วจะสวดบทแผ่เมตตาหลังจากการทำบุญ หรือนั่งสมาธิสวดมนต์ก่อนนอน

บทแผ่เมตตาให้ตนเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ

ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ
รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

บทแผ่เมตตา ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย

สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ

สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ

คาถาแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่

บทเมตตา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

บทกรุณา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ จงพ้นจากทุกข์เถิด

บทมุทิตา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด

บทอุเบกขา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

บทแผ่ส่วนกุศล

อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ

บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร

เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้

ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ

ประโยชน์ของการแผ่เมตตา

การแผ่เมตตามีประโยชน์มากมาย ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังนี้

• ต่อตนเอง
  • ทำให้จิตใจสงบ เย็น ใจร่ม ใจสบาย
  • ช่วยให้นอนหลับสนิทและหลับฝันดี
  • ช่วยให้จิตใจอ่อนโยน เมตตากรุณา
  • ช่วยให้สุขภาพจิตดี
  • ช่วยให้เจริญสติปัญญา
• ต่อผู้อื่น
  • ทำให้ผู้อื่นมีความสุข
  • ช่วยให้ผู้อื่นมีสุขภาพจิตดี
  • ช่วยให้ผู้อื่นเจริญสติปัญญา

ประวัติการแผ่เมตตา

การแผ่เมตตาเป็นหนึ่งในหลักปฏิบัติทางศีลธรรมที่สำคัญในพระพุทธศาสนา มีความหมายถึงการแผ่ความปรารถนาดีและความรักความเมตตาไปยังสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การแผ่เมตตาเป็นการฝึกจิตใจให้หลุดพ้นจากความโกรธ โลภ และหลง ทำให้จิตใจสงบสุขและสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเมตตา กรุณา และความรัก

การแผ่เมตตาเป็นแนวทางปฏิบัติที่แทรกซึมอยู่ในพระพุทธศาสนาแทบทุกนิกาย เชื่อกันว่าการแผ่เมตตาเป็นวิธีการขจัดความทุกข์และนำมาซึ่งความสุขสงบทั้งในปัจจุบันและภพหน้า

ตามพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าได้แสดงถึงอานิสงส์ของการแผ่เมตตาในหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น ในครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเดินทางไปยังหมู่บ้านหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับภัยแล้ง พระพุทธเจ้าได้แผ่เมตตาให้กับฝน ทำให้ฝนตกหนักและบรรเทาความทุกข์ของชาวบ้านได้

การแผ่เมตตามีหลายวิธีการ แต่โดยทั่วไปจะเริ่มต้นจากการแผ่เมตตาให้กับตนเองก่อน จากนั้นจึงค่อยแผ่เมตตาให้กับผู้อื่น เช่นพ่อแม่ ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และสรรพสิ่งทั้งหลาย

การแผ่เมตตาควรทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนเย็น หรือในช่วงเวลาที่รู้สึกไม่สบายใจ การแผ่เมตตาจะช่วยให้จิตใจสงบสุขและมีเมตตาต่อผู้อื่นมากขึ้น

การแผ่เมตตาเป็นการฝึกจิตใจที่ทรงพลัง มีอานิสงส์มากมายทั้งในด้านจิตใจและกายภาพ ช่วยให้บุคคลดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเมตตา กรุณา และความรัก นำมาซึ่งความสุขสงบทั้งในปัจจุบันและภพหน้า

วิธีการแผ่เมตตา

การแผ่เมตตาสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

• นั่งสมาธิหรือยืนสงบสติอารมณ์
• นึกถึงตนเองและแผ่ความปรารถนาดีให้ตนเอง
• นึกถึงผู้อื่นและแผ่ความปรารถนาดีให้ผู้อื่น
• แผ่ความปรารถนาดีให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย

การแผ่เมตตาก่อนนอน

การแผ่เมตตา ก่อนนอน หรือหลังสวดมนต์ นั้นเป็นการบริหารจิตและเจริญปัญญา โดยการแผ่เมตตาหมายถึงการแสดงความปรารถนาดีต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจของผู้แผ่เมตตามีความสุขและอ่อนโยน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบทแผ่เมตตา

Q: บทแผ่เมตตาคืออะไร?

A: บทแผ่เมตตาเป็นบทสวดที่ใช้ในการแผ่เมตตาให้กับตนเองและผู้อื่น เชื่อกันว่าการแผ่เมตตาเป็นวิธีการขจัดความทุกข์และนำมาซึ่งความสุขสงบทั้งในปัจจุบันและภพหน้า บทแผ่เมตตาเป็นบทสวดที่นิยมใช้ในการสวดมนต์และปฏิบัติธรรม

Q: บทแผ่เมตตาใช้สวดอย่างไร?

A: บทแผ่เมตตาสามารถสวดได้ทั้งในขณะนั่ง สยาม ยืน หรือเดิน โดยสวดออกเสียงหรือสวดในใจก็ได้ ควรสวดด้วยความตั้งใจและจิตใจสงบ

Q: บทแผ่เมตตาสวดกี่รอบ?

A: บทแผ่เมตตาสามารถสวดได้กี่รอบก็ได้ตามความต้องการ โดยทั่วไปนิยมสวด 3, 7, 9, หรือ 12 รอบ

Q: บทแผ่เมตตาสวดตอนไหน?

A: บทแผ่เมตตาสามารถสวดได้ทุกเวลา แต่โดยทั่วไป นิยมสวดในตอนเช้า สวดในตอนเย็น หรือหลังจากการทำสมาธิ

Q: บทแผ่เมตตาช่วยอะไร?

A: เชื่อกันว่าการแผ่เมตตาช่วยให้จิตใจสงบสุข ลดความโกรธ โลภ และหลง ทำให้มีเมตตา กรุณา และความรักต่อผู้อื่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้หลุดพ้นจากความทุกข์และนำมาซึ่งความสุขสงบทั้งในปัจจุบันและภพหน้า

บทสรุป

การแผ่เมตตาเป็นประจำ จะทำให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งเบื้องซ้ายและเบื้องขวารับรู้ไปจนถึงสรรพสัตว์ ทำให้ส่วนบุญส่วนกุศลมีค่าและเป็นสุขไปกับผู้แผ่เมตตาต่อไป

สิ่งหนึ่งที่ควรทำเป็นประจำหลังจากการทำบุญหรือสวดมนต์ นั่นคือ การแผ่เมตตา เพื่อให้สรรพสัตว์ได้มารับส่วนบุญส่วนกุศล นอกจากนี้การแผ่เมตตายังเป็นประโยชน์ต่อตนเองอีกหลายแง่มุม ดังนั้นเราสามารถสวดแผ่เมตตาให้ตัวเองได้ทุกคืนก่อนนอน เพื่อให้ชีวิตเราและผู้อื่นมีความสุขและเป็นสิ่งดีในทุกๆ วันวันในชีวิต

ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล

• พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2550). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
• พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2552). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
• พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2555). พุทธธรรม ฉบับปรับปรุงและขยายความ. พิมพ์ครั้งที่ 27. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
• สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร). (2554). เมตตาภาวนา. พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
• พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช). (2556). วิธีแผ่เมตตา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.