ประวัติและความเป็นมาของกระบี่กระบอง ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เอาไว้ กระบี่กระบองเป็นศิลปะการป้องกันตัวของไทย ซึ่งสืบทอดมาจากสมัยบรรพบุรุษหลาย ชั่วคน จนไม่สามารถที่จะหาแหล่งที่มา และบุคคลผู้เป็นต้นคิดได้ อย่างไรก็ตามกระบี่กระบอง ก็ได้แพร่หลายไปในหมู่คนไทย ปัจจุบันกระบี่กระบองได้กลายเป็นศิลปการกีฬาประจำชาติ ไทยอย่างหนึ่ง เว็บไซท์ติวฟรีเล็งเห็นในความสำคัญจึงนำบทสรุปของประวัติกระบี่กระบองมาเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจ
ประวัติกระบี่กระบอง ของไทย
การเล่นกระบี่กระบองเป็นพื้นฐานเบื้องต้นส่วนหนึ่งของศิลปะการต่อสู้ของไทย ที่เรียกว่า กระบี่กระบอง การเล่นกระบี่กระบองเป็นกีฬาที่บรรพบุรุษไทยนำเอาศิลปการต่อสู้ป้องกันตัว ด้วยอาวุธที่ใช้สู้รบกันในสมัยโบราณ มาฝึกซ้อมและเล่นในยามสงบ โดยนำหวายมาทำเป็นกระบี่ ดาบ ง้าว ฯลฯ เอาหนังมาทำโล่ เขน ดั้ง ฯลฯ แล้วจัดมาตีต่อสู้กันเล่นหรือแข่งขันกันเป็นคู่ๆ ดุจสู้กันในสนามรบเป็นการฝึกหัดรุกและรับไปในตัว
![ประวัติกระบี่กระบอง](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/ประวัติกระบี่กระบอง-704x396.jpg)
ชาติไทยเป็นชนชาติที่มีสงครามการต่อสู้เพื่อป้องกันประเทศ รักษาความเป็นเอกราชของแผ่นดินยาวนานชนชาติหนึ่ง ชาวไทยในยุคแรก ๆ ที่เริ่มก่อตั้งแผ่นดินจนถึงยุครัตนโกสินทร์ได้อาศัยสติปัญญา ความกล้าหาญ และใช้อาวุธนานาชนิดที่มีอยู่ในท้องถิ่นและกองทัพเข้าสู้ป้องกันมาโดยตลอด เริ่มจาก กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และ กรุงรัตนโกสินทร์ บรรดาทหารกล้าตลอดจนชาวบ้านต่างฝึกฝน เสาะหาเรียนวิชาฟันดาบและการต่อสู้ด้วยอาวุธนานาชนิด จึงเกิดมีการฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ จนถึงขั้นประลองฝีมือ
สมัยพระนเรศวรมหาราช
![พระนเรศวร (ขวามือ) ทรงกระบี่กระบองกับมังสามเกียด](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/พระนเรศวร-ทรงกระบี่กระบอง.jpg)
ในสมัยก่อนการประลองเป็นเรื่องจริงจังอาศัยหลักวิชาการต่อสู้เป็นหลักจึงมีคนนิยมเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าประลองกับชาวต่างชาติหรือชาวตะวันตกที่ใช้อาวุธของเขาเป็นหลักยิ่งทำให้เป็นที่สนใจมากขึ้น ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ยังมีการประลองมวย และการต่อสู้ด้วยอาวุธหน้าพระที่นั่งเช่นกัน
สมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3
การ เล่นกระบี่กระบองเริ่มในสมัยใด ใครเป็นผู้คิดขึ้นไม่สามารถหาหลักฐานได้ เนื่องจากได้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่เนื่องด้วยไทยเราเป็นชาตินักรบมาแต่โบราณ กระบี่กระบองซึ่งเป็นกีฬาของนักรบจึงน่าจะได้มีการเล่นกันมาเป็นเวลาช้านาน ควบคู่กับชนชาติไทย ในสมัยรัตนโกสินทร์มีหลักฐานที่พออ้างอิงได้คือ วรรณคดี ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 2 ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนา กล่าวถึงอิเหนาชำนาญในการกระบี่ ในรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่แต่งเรื่อง พระอภัยมณี กล่าวถึงศรีสุวรรณเล่าเรื่องกระบี่กระบองกับอาจารย์ทิศาปาโมกข์
สมัยรัชกาลที่ 4
ใน รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดปรานกระบี่กระบองมาก ทรงโปรดให้พระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์ทรงหัดกระบี่กระบองจนครบวงจร และโปรดให้เล่นกระบี่กระบองเป็นการสมโภชที่หน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดา ราม เนื่องในการทรงผนวชเป็นสามเณรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อใน พ.ศ. 2409
สมัยรัชกาลที่ 5
ในรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้มีการเล่นกระบี่กระบอง และชกมวยไทยหน้าพระที่นั่งในงานสมโภชอยู่เนืองๆ กระบี่กระบองมีกันดาษดื่นและมากคณะ
สมัยรัชกาลที่ 6
ในรัชกาลที่ 6 ความครึกครื้นในการเล่นกระบี่กระบองลดน้อยลง เพราะไม่ทรงโปรดเท่ารัชกาลที่ 5
สมัยรัชกาลที่ 7
ใน รัชกาลที่ 7 กระบี่กระบองค่อยๆ หมดไปจนเกือบหาดูไม่ได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทันกับความเจริญก้าวหน้าของโลกอุตสาหกรรม ทำให้ประชาชนทั่วไปมุ่งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคมมากขึ้น
พศ.2479
![อาจารย์นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/นาค-เทพหัสดิน-ณ-อยุธยา-150x150.jpg)
ต่อมา อาจารย์นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้เป็นผู้นำวิชากระบี่กระบองบรรจุไว้ในหลักสูตรประโยค ผู้สอนพลศึกษา ในปีพ.ศ.2479 และเป็นผู้ที่สมควรได้รับการยกย่องในฐานะผู้อนุรักษ์ฟื้นฟูและถ่ายทอด ศิลปการต่อสู้ประเภทนี้ ในปี พ.ศ.2518 ได้มีการจัดให้วิชากระบี่กระบองเป็นวิชาบังคับในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและใน ปี พ.ศ.2521 เป็นวิชาบังคับในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จึงยังคงมีการเรียนการสอนอยู่ทุกวันนี้
คุณค่าของวิชากระบี่กระบอง
วิชา กระบี่กระบองเป็นศิลปการต่อสู้ป้องกันตัวประจำชาติที่สามารถช่วยให้เรา ปลอดภัยในยามคับขันและรักษาเอกราชอยู่ได้ สำหรับในปัจจุบันกิจกรรมกระบี่กระบองแสดงถึงความสามารถของคนไทยที่ยังรักษา มรดกทางวัฒนธรรมไทยได้มั่นคง
![กระบี่กระบอง ของไทย](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/กระบี่กระบองของไทย-704x468.jpg)
ประโยชน์ของวิชากระบี่กระบอง
- สามารถใช้ต่อสู้และป้องกันตัวในยามคับขันได้
- ช่วยสร้างเสริมสมรรถภาพทางร่างกาย
- ช่วยเสริมสร้างคุณลักษณะทางด้านจิตใจ เช่น ความกล้าหาญ ความอดทน ความไม่ขลาดกลัวต่ออันตราย และรู้จักช่วยเหลือตนเอง
- เป็นการเสริมสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในศิลปการต่อสู้ป้องกันตัวประจำชาติ
- เป็นการรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย
- เป็นการฝึกนิสัยและฝึกจิตใจให้เป็นคนดีมีศีลธรรม
อาวุธกระบี่กระบอง
กระบอง หมายถึง พวกยักษ์ที่พกกระบองเป็นอาวุธ ยักษ์มีรูปร่างใหญ่โต เคลื่อนไหวช้า เพราะฉะนั้นการจัดระเบียบเรียกแยกประเภท อาวุธที่ใช้แสดงต่อสู้ป้องกันตัวน่าจะมาจากการแยกฝ่ายยักษ์และลิง โดย ถือว่าลิงรูปร่างเล็กและผู้พากย์โขนมักเรียกขนานนามว่า ขุนกระบี่ ซึ่งหมายถึง หนุมานหัวหน้าลิง ซึ่งมีตรีหรือสามง่ามสั้นพกเป็นอาวุธประจำกาย และพลลิงตัวอื่น ๆ พกอาวุธสั้น เช่น พระขรรค์ เป็นต้น
ฉะนั้นคำว่า “กระบี่” จึงถูกนำมาเป็นคำเรียกแยกให้รู้ว่าอาวุธสั้นทั้ง หลายจะรวมเรียกว่า กระบี่ ซึ่งมี ดาบ โล่ ดั้ง เขน ไม้ศอกสั้น มีดสั้น พระขรรค์ เคียว ขวาน ตรี สามง่ามสั้น และ สีโหล่
![กระบี่](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/กระบี่-704x370.jpg)
“กระบอง” มาจาก ยักษ์ ที่ถือกระบองเป็นอาวุธยักษ์รูปร่างใหญ่โตและ การเคลื่อนไหวไม่ไวเท่าลิง อาวุธนี้จึงถูกจัดเรียกว่า กระบอง ไม่ว่าสั้นหรือยาวเป็นหัวหน้า ให้ความหมายรวมเป็นของยาวทั้งมวล ถ้าพูดตามความ จริงแล้วการเคลื่อนไหวการต่อสู้จะทำได้ดีซึ่งส่วนมากจะเป็นวงนอก ส่วนของสั้นจะทำได้ทั้งวงนอกและวงใน
ฉะนั้นคำว่า “กระบอง” จึงถูกแยกเรียกเป็นที่รวมของอาวุธยาวที่ใช้แสดงทั้งหมด เช่น พลอง กระบอง ง้าวทุกชนิด โตมร ทวน หอก เป็นต้น
การเรียกกระบี่กระบองยังมีหลักฐานให้เห็นชัดในเรื่องอาวุธที่นิยมใช้แสดงและเล่นกัน คือ คู่ของไม้ศอกสั้นกับพลอง นั่นคือความหมายที่ถูกจัดให้เห็นว่า อาวุธสั้นคือลิง ผู้แสดงจะแสดงถึงหลักวิชาความคล่องแคล่วว่องไว ส่วนพลองหรือกระบองคือตัวแทนของยักษ์เป็นประเภทอาวุธยาว
ตารางจำแนกอาวุธของกระบี่กระบอง
อาวุธ | คำอธิบาย |
---|---|
กระบี่ | ใช้ในการฟันและแทง ทำด้วยเหล็ก มีลักษณะแบนปลายแหลม ใช้ในการต่อสู้บนพื้นดิน |
ดาบ | ใช้ในการฟันและแทง ทำด้วยเหล็ก มีรูปแบนและปลายโค้ง มีน้ำหนักมากกว่า กระบี่ ใช้ในการต่อสู้บนพื้นดิน |
ง้าว | ใช้สำหรับการฟันและการแทง ง้าวตัวดาบทำมาจากเหล็ก มีรูปแบนปลายโค้งเหมือนดาบแต่สั้นกว่าดาบ ส่วนด้ามจับทำจากไม้ที่มีขนาดยาว มักใช้สำหรับต่อสู้บนหลังช้าง |
พลอง | หรือที่เรียกว่า สี่ศอก เป็นอาวุธยาวใช้สำหรับตี |
ดั้ง | ใช้ในการป้องกัน ทำจากหนังสัตว์ หรือ หวายเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีลักษณะโค้งเหมือนกับชั้นเส้นใยลำต้นของต้นกล้วย |
เขน | ใช้ในการป้องกัน ทำมาจากหนังสัตว์ ที่มีลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า |
โล่ | ใช้ในการป้องกัน และสามารถใช้จู่โจมโดยใช้ขอบของโล่ ทำมาจากหนังสัตว์ หรือ โลหะ หรือ หวายสาน มีลักษณะกลม โค้งนูนตรงกลาง |
กติกาของกระบี่กระบอง
การถวายบังคม
ในสมัยโบราณการแสดงการต่อสู้มักกระทำต่อหน้าที่ประทับ ผู้แสดงจึงต้องมีการถวายบังคม ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพต่อพระเจ้าแผ่นดินด้วย และต่อมาได้เป็นการปฏิบัติเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และผู้มีพระคุณ การถวายบังคมนี้จะกระทำ 3 ครั้ง แต่ละครั้งมีความหมาย ดังนี้
ครั้งที่ 1 หมายถึง การแสดงความเคารพต่อหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา
ครั้งที่ 2 หมายถึง การแสดงความเคารพต่อองค์พระประมุขของชาติ
ครั้งที่ 3 หมายถึง การแสดงความเคารพต่อบิดา มารดา ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการและผู้มีพระคุณ
![รำกระบี่กระบอง](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/รำกระบี่กระบอง.jpg)
การขึ้นพรหม
ประกอบด้วย การขึ้นพรหมนั่ง และการขึ้นพรหมยืน
- การขึ้นพรหมนั่ง ได้แก่ การนั่งร่ายรำแต่ละทิศจนครบ 4 ทิศ แล้วจึงกลับหลังหันลุกขึ้นยืน
- การขึ้นพรหมยืน เป็นการยืนรำแต่ละทิศจนครบทั้ง 4 ทิศ และจบลงด้วยการเตรียมพร้อมจะปฏิบัติในขั้นตอนต่อไป
การขึ้นพรหมนี้ ถ้าฝ่ายหนึ่งขึ้นพรหมนั่ง อีกฝ่ายจะขึ้นพรหมยืน นอกจากเป็นการสร้างกำลังใจและคุ้มครองในการต่อสู้แล้ว การขึ้นพรหมนี้ อาจารย์นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้บันทึกไว้ว่า เป็นการสอนให้ผู้เรียนระลึกถึงธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคม ได้แก่ พรหมวิหารสี่
การรำเพลงอาวุธ
ผู้แสดงที่เล่นอาวุธใดจะเลือกรำเพลงตามอาวุธที่ตนใช้ โดยเลือกท่ารำจากท่ารำทั้งหมดในอาวุธนั้นตามความเหมาะสมหรือความชำนาญของผู้เล่นประมาณ 1 ท่า การรำเพลงอาวุธนี้มีมานานแต่สมัยโบราณ และมีประโยชน์ต่อผู้เล่น
![การรำกระบี่](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/การรำกระบี่สองมือ.jpg)
การเดินแปลง
เป็นลักษณะของการเดินที่พร้อมจะเข้าสู่ท่าต่อสู้ การเดินจะเดินไปจนสุดสนามแล้วกลับมาที่เดิม ขณะที่อยู่ในระยะใกล้ที่จะสวนกันให้ต่างหลีกไปทางซ้ายเพียงเล็กน้อย โดยอาวุธอาจจะถูกหรือระกันเล็กน้อยได้ การเดินแปลงเป็นการที่ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องดูเล่ห์เหลี่ยมของกันและกัน เป็นการอ่านใจกันและคุมเชิงกันในทีก่อนจะเข้าต่อสู้
การต่อสู้
จะเป็นการใช้ท่าทางการต่อสู้ที่ได้ฝึกมาทั้งหมดในสถานการณ์จริง การต่อสู้นี้จะใช้อาวุธของการต่อสู้ที่เรียกว่า “เครื่องไม้ตี” มีลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องไม้รำ แต่ไม่ได้ตกแต่งให้สวยงาม
การขอขมา
เป็นการไหว้กันและกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่ายหลังจบการแสดงแต่ละอาวุธ เป็นการขอโทษต่อการแสดงที่ผิดพลั้งต่อกัน เป็นระเบียบที่กำหนดขึ้นในภายหลังจากสมัยท่านอาจารย์นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา
การแสดงกระบี่กระบองมีธรรมเนียมที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ จะต้องมีดนตรีประกอบ ซึ่งจะมีปี่ชวา กลองแขกตัวผู้ (เสียงสูง) ตัวเมีย (เสียงต่ำ) และ ฉิ่งจับจังหวะ เพราะไทยเป็นชาติรักดนตรี การเล่นหรือแสดงเฉย ๆ จะรู้สึกเงียบเหงา ขาดรสชาติหาความสนุกสนานได้ยาก นอกจากดนตรีจะช่วยให้เกิดความสนุกสนานครึกครื้น แล้วยังช่วยให้ผู้เล่นเกิดความฮึกเหิมมีกำลังใจในการต่อสู้ โดยเฉพาะเสียงกลองจะเป็นเหมือนเสียงหนุนหรือยุให้ผู้เล่นคิดจะสู้เรื่อย ๆ ไปโดยไม่คิดจะถอย มีแต่จะบุกติดตามเข้าไปด้วยความทรหดอดทน อีกประการหนึ่ง ในการแข่งขันต้องมีการรำอาวุธก่อนต่อสู้ ซึ่งถือว่าเป็นการดูเชิงและเป็นการทำให้กล้ามเนื้อตื่นตัว ลดความตื่นเต้น ถ้าไม่มีเสียงดนตรีแล้วจะรำได้อย่างไร
เครื่องกระบี่กระบอง
เครื่องกระบี่กระบอง มีอยู่ 2 ชนิด คือ เครื่องไม้รำ กับ เครื่องไม้ตี โดยทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นอาวุธจำลอง ส่วนมากทำมาจากหวาย มีความเหนียวและเบามือ เครื่องไม้รำนั้นลงรักปิดทองประดับกระจกอย่างสวยงาม ส่วนเครื่องไม้ตีไม่ได้ตกแต่งอะไร
- กระบี่ เครื่องไม้รำทำด้วยหวายหรือเอ็นสัตว์ถักเป็นปลอก สวมแกนโลหะที่ยาวตลอดลงไปถึงด้ามด้วย ตอนปลายเป็นหวายหรือเอ็นถึกคล้ายหางกระเบน มักจะลงรักให้แข็ง บางทีทาสีแดงตลอด ด้ามมีโกร่งกันมือ ส่วนเครื่องไม้ตีนั้นทำอย่างเดียวกันแต่ไม่ตกแต่งอะไร
- กระบองหรือพลอง เครื่องไม้รำทำด้วยหวายหรือไม้จริงลงรักปิดทอง เขียนลายรดน้ำหรือทาสีแดงตลอด ไม่มีโลหะประกอบอยู่ด้วยเลย บางทีก็ประดับกระจกอย่างกระบองของเจ้าเงาะในละครรำ ส่วนเครื่องไม้ตีทำด้วยไม้รากไทรหรือหวายขนาดใหญ่ ลงรักดำหรือทาสีแดงตลอด ตอนปลายทั้งสองข้างใช้เชือกขนาดเล็กพันไว้
- ดาบ เช่นเดียวกับกระบี่ แต่ไม่มีโกร่งกันมือ เครื่องไม้รำทำสวยงามมากดูคล้ายมีฝักอยู่ด้วย ส่วนเครื่องไม้ตีทำด้วยหวายเพื่อให้สามารถตีได้ไม่หัก การใช้ดาบนั้น มีทั้งดาบเดี่ยว ดาบคู่ ดาบกับดั้ง ดาบกับเขน ดาบกับโล่ แล้วแต่จะกำหนด
- ง้าว เครื่องไม้รำประดิษฐ์ตกแต่งสวยงามมาก ทำด้วยไม้จริง มีลักษณะใกล้เคียงกับง้าวของจริงมาก ส่วนเครื่องไม้ตีทำด้วยหวาย ไม่มีการตกแต่งอย่างใด
- ดั้ง เป็นเครื่องป้องกันอาวุธชนิดหนึ่ง นิยมเล่นคู่กับดาบ ซึ่งใช้สำหรับป้องกันอาวุธของศัตรู เป็นรูปสี่เหลี่ยมยาว ๆ โค้ง ๆ คล้ายกาบกล้วย กว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 100 เซนติเมตร ทำด้วยหนังหรือหวายหรือไม้ปะปนกัน
- โล่ เป็นเครื่องป้องกันอาวุธเช่นเดียวกับดั้งหรือเขน นิยมนำมาเล่นคู่กับดาบ แตกต่างกันที่รูปร่างเท่านั้น คือ เป็นรูปวงกลม นูนตรงกลาง ทำด้วยหนังดิบ หวายสาน หรือโลหะ
- ไม้ศอกหรือไม่สั้น นับว่าเป็นเครื่องกระบี่กระบองชนิดหนึ่ง มีรูปร่างลักษณะคล้ายกระดูกท่อนแขน เป็นท่อนไม้รูปสี่เหลี่ยม ยาวประมาณ 45 เซนติเมตร กว้างและสูงประมาณ 7 เซนติเมตร
เครื่องแต่งกายกระบี่กระบอง
เครื่องแต่งกายนั้นขึ้นอยู่กับความนิยม สมัยโบราณแต่งกายอย่างทหาร หรือนุ่งโจงกระเบนแบบหยักรั้ง คาดผ้าประเจียด ตะกรุด หรือนุ่งกางเกงขาสั้น แต่ที่สำคัญคือ นักกระบี่กระบองจะต้องสวมมงคลที่ทำด้วยด้ายดิบพันเป็นเกลียว มีขนาดใหญ่เท่าเชือกมะนิลา ใช้ผ้าเย็บหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ปล่อยปลายทั้งสองยื่นออก
![ค่ายกระบี่กระบอง](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/ค่ายกระบี่กระบอง-704x469.jpg)
การแข่งขันกระบี่กระบอง
การคิดคะแนนการแข่งขันกระบี่กระบอง แบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
ประเภทเครื่องแต่งกาย (4 คะแนน)
- แต่งแบบนักรบไทยโบราณสมัยต่าง ๆ
- แต่งแบบชาวบ้าน ทั้งโบราณและปัจจุบัน เช่น นุ่งกางเกง ส่วนนุ่งผ้าโจงกระเบนด้วยผ้าพื้นหรือผ้าลาย ใส่เสื้อคอกลม แขนสั้น หรือแขนทรงกระบอก คาดผ้าตะเบงมาน ใส่ชุดม่อฮ่อม หรือกางเกงขายาว เสื้อคอกลมแขนสั้น ผ้าขาวม้าคาดเอว
- แต่งแบบกีฬานิยม เช่น นุ่งกางเกงขาสั้น หรือขายาว ใส่เสื้อทีมหรือเสื้อธรรมดาแขนสั้นหรือยาว มีผ้าคาดเอวหรือไม่มีก็ได้ รองเท้าผ้าใบ และใส่ถุงเท้า การแต่งกายทั้ง 3 ข้อข้างต้นต้องแต่งให้เหมือนกันทั้งคู่ นอกจากเรื่องสีแล้ว ต้องดูเรื่องความสะอาด เรียบร้อย รวมทั้งต้องสวมมงคลทุกครั้งที่ออกแสดง
ประเภทรำ (10 คะแนน)
- การถวายบังคม
- การรำพรหมนั่ง หรือพรหมยืน
- ลีลาการรำ กำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันรำเพียงเที่ยวเดียว ไม่ต่ำกว่า 2 ท่า และมีลีลาการรำที่เข้ากับจังหวะดนตรีและสวมบทบาทของการรำ เช่น ท่านาง ท่าลิง ซึ่งมีท่ารำอื่น ๆ อีก 12 ท่า คือ ท่าลอยชาย ท่าทัดหูหรือควงทัดหู ท่าเหน็บข้าง ท่าตั้งศอก ท่าจ้วงหน้าจ้างหลัง ท่าควงป้องหน้า ท่ายักษ์ ท่าสอยดาว ท่าควงแตะ ท่าแหวกม่าน ท่าลดล่อ และท่าเชิงเทียน
ประเภทการเดินแปลง (6 คะแนน)
- เมื่อรำจบแล้วนั่งลง ก่อนออกเดินแปลง ผู้เข้าแข่งขันไม่ต้องถวายบังคม เพียงแต่ไหว้น้อมรำลึกถึงครู อาจารย์ครั้งเดียว แล้วเริ่มรำพรหม หรือจะไม่รำก็ได้ แล้วออกเดินแปลงเพียงเที่ยวเดียว
ประเภทการต่อสู้ (20 คะแนน)
- การต่อสู้ของแต่ละคู่จะต้องมีเหตุผลสมจริง และถูกต้องตามหลักวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว และไม่เป็นการอนาจาร
กำหนดเวลาการแข่งขันกีฬากระบี่กระบอง
- การแข่งขันตั้งแต่ประเภท 2, 3 และ 4 กำหนดให้ใช้เวลาในการแข่งขันคู่ละ 7 นาที
- เมื่อนักกีฬาแสดงครบเวลา 6 นาที กรรมการจะกดกริ่งเตือน 1 ครั้ง
- เมื่อนักกีฬาแสดงต่อไปจนครบเวลา 7 นาที กรรมการจะประกาศให้ทราบว่าหมดเวลาแล้ว
- แต่ถ้านักกีฬาแสดงเกินกำหนดเวลา 7 นาที กรรมการจะตัดคะแนนคู่นั้น 2 คะแนน จากคะแนนรวมในการตัดสิน
กรรมการผู้ตัดสินกีฬากระบี่กระบอง
ให้ใช้กรรมการผู้ตัดสินโดยผู้ทรงคุณวุฒิคราวละ 5 ท่าน จากสมาคมกีฬาไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีคะแนนตัดสินท่านละ 40 คะแนน
คะแนนรวมของทีม
ให้นำผลการแข่งขันของนักกีฬาภายในทีมที่ชนะที่ 1-2-3 ในแต่ละชนิดอาวุธมารวมกัน โดยคิดคะแนน ดังนี้
- ชนะเลิศ ได้ 5 คะแนน
- รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้ 3 คะแนน
- รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้ 1 คะแนน ทีมใดมีคะแนนรวมมากที่สุด เป็นทีมที่ชนะ
การเรียนกระบี่กระบองในโรงเรียน
ในปี พ.ศ.2518 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายใหม่ และได้มีการกำหนดให้วิชากระบี่กระบองเป็นส่วนหนึ่งของวิชาพลศึกษา ในรายวิชาบังคับ ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 และต่อมาในปี พ.ศ.2521 กระทรวงศึกษาฯได้ประกาศหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้นตามแนวแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2520 และได้กำหนดวิชากระบี่ 1 เป็นวิชาบังคับเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นับแต่นั้นมา
![การเรียนกระบี่กระบองในโรงเรียน](https://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2020/03/การเรียนกระบี่กระบองในโรงเรียน-704x468.jpg)
ภาพการแข่งขันกระบี่กระบอง ของนักเรียนจาก รร.ธนบุรีวรเทพีพลารักษ์ สมัยก่อนมีเพื่อเตรียมพร้อมเสมอที่จะรับศึก ปัจจุบันกระบี่กระบองได้กลายเป็นศิลปการกีฬาประจำชาติ อีกทั้งกระบี่กระบองเป็นการกีฬาเพื่อออกกำลังและฝึกฝนความแข็งแกร่ง #AFP #ThaiPBS
ขอบคุณข้อมูลจาก
- แบบเรียนกระบี่กระบอง
- กระทรวงวัฒนธรรม m-culture.go.th
- wikipedia.org
- ThaiPBS
ว้าว สุดยอดจริงๆ
สนุกดี อยากอ่านต่อเลย
ดีครับผม
ได้ความรู้ดีนะ เขียนเล่ามุมมองที่ไม่เคยรู้มาก่อนดี
จากใจคนที่เรียนวิชานี้มา กรุณาถอดออกจาก หลักสูตรการศึกษาด้วย ถ้าใครสนใจเรียนให้เขาไปเรียนเอง ยกจาบจ้วง เรียนจนมาถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเรียนมาทำไร เรียนแล้วได้อะไร แล้วเอาวิชาว่ายน้ำมาแทน ได้โปรด