สวัสดีครับน้องๆทุกคน วันนี้พี่ก็จะมาแนะนำการสอบตรงอีกที่นึงที่น้องๆไม่ควรพลาดเด็ดขาด เพราะว่าสนามสอบนี้จะเป็นสนามสอบแรกในรอบปี ที่น้องๆสามารถมาทดสอบตัวเองได้ถึงแม้จะไม่อยากได้คณะนี้ก็ตาม โดยสนามสอบนี้มีชื่อว่า SMART-I นั่นเอง หลายๆคนคงสงสัยแล้วสิท่าว่า SMART-I คืออะไร? งั้นเดี๋ยวพี่จะไขข้อสงสัยให้น้องๆทุกคนเองครับ ไปดูกันเลย
ตัวข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 4 วิชา คือ คณิตศาสตร์ การอ่าน ภาษาอังกฤษ และความรู้รอบตัว โดยที่แต่ละส่วนจะเต็ม 100 คะแนนแต่ว่าเมื่อนำไปคิดเป็นคะแนนโดยรวมแล้วแต่ละส่วนจะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน โดยข้อสอบแต่ละส่วนจะมีน้ำหนักคะแนนและเนื้อหาข้อสอบดังนี้ครับ
1.คณิตศาสตร์ (น้ำหนัก 30%)
วิชาคณิตศาสตร์ของ SMART-I ถือว่าไม่ยากเลยครับถ้าเทียบกับข้อสอบรับตรงคณิตศาสตร์ทั่วไป โดยเนื้อหาของ SMART-I ส่วนนี้จะเป็นเนื้อหาคณิตของ ม.3 ผสมกับ ม.5 เอามาประยุกต์ให้ซับซ้อนแล้วหลอกคนทำข้อสอบครับ เนื้อหาโดยรวมจะเป็น การตั้งสมการ,สถิติ,ความน่าจะเป็น,อนุกรม,พื้นที่,การคิดคะแนน และปัญหาเชาว์ เป็นหลัก โดยมีจำนวนอยู่ที่ 30ข้อ : 1ชั่วโมง ดังนั้นน้องๆคงเห็นได้ว่าเราจะมีเวลาทำข้อสอบแค่ข้อละ 2 นาทีเองครับ ตอนสอบก็เร่งมือเข้าไว้ล่ะเดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน
2.การอ่าน (น้ำหนัก 30%)
การอ่านเคยเป็นวิชาที่มีน้ำหนักเพียง 25%และเป็นวิชาที่ง่ายมากของ SMART-I ง่ายจนเรียกได้ว่าเหมือนแจกคะแนนให้คนทำฟรี ดังนั้นน้องๆส่วนใหญ่มักจะได้คะแนน 70+ กันเกือบทั้งหมด แต่ในช่วงหลังที่มีการปรับน้ำหนักคะแนนของวิชานี้ ทำให้ความยากเพิ่มขึ้นมาจนไม่ถูกเรียกว่าเป็นวิชาแจกแต้มอีกแล้ว โดยเนื้อหาจะไม่มีอะไรมากครับ มีข้อสอบจำนวน 30 ข้อ โดยจะมีข้อสอบแบบบทความมาให้ประมาณ 3 บทความโดยอาจจะเป็นบทความเรื่องการแพทย์ เศรษฐกิจ หรือความรู้รอบตัวก็แล้วแต่รอบครับ ซึ่งแต่ละบทความจะมีข้อสอบ 7-9 ข้อผสมกับข้อสอบอ่านแบบไม่ใช่เนื้อเรื่องยาวอีก 5-6ข้อครับ วิธีทำก็แค่ให้น้องๆอ่านแล้ววิเคราะห์แล้วตอบคำถามลงไปครับไม่มีอะไรซับซ้อน
3.ภาษาอังกฤษ (น้ำหนัก 30%)
ภาษาอังกฤษวิชาที่เรียกได้ว่าโหดหินสุดๆของการสอบ SMART-I โดยจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 ส่วนคือ
1.Passage : หรือข้อสอบการอ่านนั่นเอง จะมีบทความมาให้ครับแต่เป็นภาษาอังกฤษ เราก็แค่อ่านแล้วตอบคำถามไปคำถามไม่ค่อยมีหลอกซับซ้อนครับ แต่คำศัพท์จะยากดังนั้นถ้าน้องๆอ่านออกก็จะทำ Part นี้ได้ง่ายครับ
2.Error : สำหรับ Part นี้จะเป็นการวัดทักษะการเขียนของน้องๆครับ โดยตัวข้อสอบจะมีมาให้ 5 ข้อ แต่ละข้อจะขีดเส้นใต้ไว้ 5 จุดโดยเราต้องเลือกว่าจุดไหนไม่ถูกต้องถึงจะได้คะแนนไป ถ้าเกิดน้องคนไหน Grammar แข็งแรงก็น่าจะผ่าน Part นี้ไปได้ครับ
3.Complete Sentence : Part นี้เรียกง่ายๆก็คือ เติมคำลงในช่องว่างให้ถูกครับ โดยจะเป็นการวัด Grammar ของน้องๆ โดยจะมีทั้งแบบเติมแกรมม่าให้ถูกและเติมคำเชื่อมประโยคเช่น Although,Despite ให้เข้ากับความหมายของประโยคครับ
4.Vocabulary : หรือคำศัพท์นั่นเอง จะมีช่องว่างให้เติมคำ น้องก็เพียงแค่เลือกศัพท์ที่เหมาะสมกับประโยค เติมไปแล้วได้ความหมายที่สมบูรณ์เข้ากันได้ถูกต้องก็จะรับคะแนนไปครับ
5. Synnonym : สำหรับ Part นี้จะมีคำศัพท์ที่ขีดเส้นใต้มาครับ แล้วให้เราเลือกว่าช้อยส์ไหนที่มีความหมายเดียวกันกับคำศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ ถ้าในหัวมีศัพท์เยอะๆก็สบายไปครับ
4.ความรู้รอบตัว (น้ำหนัก 10%)
Part นี้น้ำหนักน้อยมากครับ คะแนนที่ได้จะไม่เกี่ยวกันมาก ชื่อก็บอกแล้วว่าความรู้รอบตัวดังนั้นเนื้อหาจะเป็นเนื้อหาจากทั่วโลกเลย แต่ Part นี้ก็มักจะนำข่าวดังในก่อนเดือนสอบมาออกช่วยเด็กครับ เช่น ในช่วงที่เปิดตัว Ipad2 ใหม่ๆก็อาจจะถามว่าใครคือ CEO ของ Apple เป็นต้น Part นี้ถ้าน้องๆติดตามข่าวสารอยู่บ่อยๆจะสามารถทำคะแนนได้พอสมควรครับ
sharp says
อ่านดูแล้วถึงจะดูยากยังไงก็จะพยายามคะ คนเราไม่ได้อะไรมารอแค่โอกาส ชีวิตเกิดมาไม่มีใครที่ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อสิ่งที่มีคุณค่าอยู่แล้ว บัญชี มธ. คือสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับหนูคะ ตอนนี้อยูม.5 แล้ว จะซื้อสมาร์ทวันมาอ่านแน่นอน จะเข้าสอบทุกเดือนเลยยย แหะๆ