อาณาจักรสุโขทัย
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย
อาณาจักรสุโขทัยเป็นราชอาณาจักรโบราณที่เจริญรุ่งเรืองในภาคกลางของประเทศไทยในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีบทบาทสำคัญในการสืบสานวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทย นับเป็นแหล่งกำเนิดของศิลปวัฒนธรรมไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในประเทศไทยในยุคโบราณ
จังหวัดสุโขทัย เป็นที่ตั้งอาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อกว่า 700 ปีที่ผ่านมา คำว่า “สุโขทัย” มาจากคำสองคำคือ “สุข+อุทัย” มีความหมายว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข” อาณาจักรสุโขทัยมีประวัติศาสตร์และความสำคัญอย่างมากของชาติไทยที่ควรศึกษาเอาไว้
วันนี้ เว็บติวฟรี มีประวัติศาสตร์ของสุโขทัยมาฝากกันครับ
อาณาจักรสุโขทัย
อาณาจักรสุโขทัย เริ่มประมาณ พ.ศ. 1800 เมื่อพระยาศรีนาวนำถม พระบิดาแห่งพ่อขุนผาเมืองได้ปกครองสุโขทัยซึ่งยังเป็นประเทศราชของขอมอยู่ หลังจากพระยาศรีนาวนำถมสิ้นพระชนม์ พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราดได้ยึดเมืองสุโขทัยคืนเป็นราชธานี ต่อมาพ่อขุนบางกลางหาวเสด็จขึ้นครองราชย์ด้วยพระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ. 1822-1841) พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงปกครองบ้านเมืองด้วย ทศพิธราชธรรม ทำให้อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม
ประวัติอาณาจักรสุโขทัย
อาณาจักรสุโขทัย (ราว พ.ศ. 1781 – 2117 อายุราว 236 ปี ) เป็นรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม สถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1782 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพงเป็นผลสำเร็จ และได้สถาปนาเอกราชให้รัฐสุโขทัยเป็นอาณาจักรสุโขทัย และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด
ที่ตั้งและอาณาเขตอาณาจักรสุโขทัย
อาณาจักรสุโขทัย ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะและที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง มีอาณาเขตดังนี้
- ทิศเหนือ มีเมืองแพร่ (ปัจจุบันคือแพร่) เป็นเมืองปลายแดนด้านเหนือสุด
- ทิศใต้ มีนครสวรรค์ (ปัจจุบันคือนครสวรรค์) เป็นเมืองปลายแดนด้านใต้
- ทิศตะวันตก มีเมืองฉอด (ปัจจุบันคือแม่สอด) เป็นเมืองชายแดนที่จะติดต่อเข้าไปยังอาณาจักรมอญ
- ทิศตะวันออก มีเมืองสะค้าใกล้แม่น้ำโขงในเขตภาคอีสานตอนเหนือ
การแทรกแซงจากอยุธยา
หลังจากพ่อขุนรามคำแหงแล้ว เมืองต่างๆเริ่มอ่อนแอลงเมือง ส่งผลให้ในรัชกาลพญาเลอไท และรัชกาลพญาไสลือไท ต้องส่งกองทัพไปปราบหลายครั้งแต่มักไม่เป็นผลสำเร็จ และการปรากฏตัวขึ้นของอาณาจักรอยุธยาทางตอนใต้ซึ่งกระทบกระเทือนเสถียรภาพของสุโขทัยจนในท้ายที่สุดก็ถูกแทรกแทรงจากอยุธยา จนมีฐานะเป็นหัวเมืองของอยุธยาไปในที่สุด โดยมีพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ปกครองสุโขทัยในฐานะรัฐอิสระพระองค์สุดท้าย โดยขณะนั้น ด้วยการแทรกแซงของอยุธยา รัฐสุโขทัยจึงถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
- เมืองสรวงสองแคว (พิษณุโลก) อันเป็นเมืองเอก มีพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ปกครอง
- เมืองสุโขทัย เมืองรอง มี พระยาราม เป็นผู้ปกครองเมือง
- เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) มี พระยาเชลียง เป็นผู้ปกครองเมือง
- เมืองชากังราว (กำแพงเพชร) มี พระยาแสนสอยดาว เป็นผู้ปกครองเมือง
หลังสิ้นรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) พระยายุทธิษเฐียรซึ่งเดิมทีอยู่ศรีสัชนาลัย ได้เข้ามาครองเมืองสองแคว (พิษณุโลก) และเมื่อแรกที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เสด็จขึ้นผ่านพิภพ เป็นพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่าขณะนั้นพระยายุทธิษเฐียรเกิดน้อยเนื้อต่ำใจที่ได้เพียงตำแหน่งพระยาสองแคว เนื่องด้วยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงเคยดำริไว้สมัยทรงพระเยาว์ว่า หากได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ จะชุบเลี้ยงพระยายุทธิษฐิระให้ได้เป็นพระร่วงเจ้าสุโขทัย พ.ศ. 2011 พระยายุทธิษฐิระจึงเอาใจออกห่างจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ไปขึ้นกับ พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ล้านนาในขณะนั้น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการเฉลิมพระนามกษัตริย์ล้านนาจากพระยาเป็นพระเจ้า เพื่อให้เสมอศักดิ์ด้วยกรุงศรีอยุธยา พระนามพระยาติโลกราช จึงได้รับการเฉลิมเป็นพระเจ้าติโลกราช
หลังจากที่พระยายุทธิษฐิระ นำสุโขทัยออกจากอยุธยาไปขึ้นกับล้านนา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จจาก กรุงศรีอยุธยา กลับมาพำนัก ณ เมืองสรลวงสองแคว พร้อมทั้งสร้างกำแพงและค่ายคู ประตู หอรบ แล้วจึงสถาปนาขึ้นเป็นเมือง พระพิษณุโลกสองแคว เป็นราชธานีฝ่ายเหนือของอาณาจักรแทนสุโขทัย ในเวลาเจ็ดปีให้หลัง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงทรงตีเอาสุโขทัยคืนได้ แต่เหตุการณ์ทางเมืองเหนือยังไม่เข้าสู่ภาวะที่น่าไว้วางใจ จึงทรงตัดสินพระทัยพำนักยังนครพระพิษณุโลกสองแควต่อจนสิ้นรัชกาล ส่วนทางอยุธยานั้น ทรงได้สถาปนาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระราชโอรส เป็นพระมหาอุปราช ดูแลอยุธยาและหัวเมืองฝ่ายใต้
ด้วยความที่เป็นคนละประเทศมาก่อน และมีสงครามอยู่ด้วยกัน ชาวบ้านระหว่างสุโขทัยและอยุธยา จึงมิได้ปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงต้องแยกปกครอง โดยพระมหากษัตริย์อยุธยา จะทรงสถาปนาพระราชโอรส หรือพระอนุชา หรือพระญาติ อันมีเชื้อสายสุโขทัย ปกครองพิษณุโลกในฐานะราชธานีฝ่ายเหนือ และควบคุมหัวเมืองเหนือทั้งหมด
ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย
อาณาจักรสุโขทัยเป็นอาณาจักรแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เมื่อ พ.ศ. 1780 และรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ. 1822-1841) อาณาจักรสุโขทัยเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและอารยธรรมไทย มีพัฒนาการด้านต่างๆ ที่สำคัญ ดังนี้
ด้านเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของอาณาจักรสุโขทัยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยปลูกข้าว ข้าวโพด ถั่ว งา มะเขือเทศ มะละกอ มะพร้าว ฯลฯ และเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ควาย หมู ไก่ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการประกอบอาชีพค้าขาย ทั้งภายในและภายนอกอาณาจักร สุโขทัยเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการค้าขายกับอาณาจักรต่าง ๆ เช่น อาณาจักรล้านนา อาณาจักรขอม อาณาจักรเขมร อาณาจักรจาม ฯลฯ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องถ้วยชามสังคโลก ผ้าไหม ทองคำ เงิน ฯลฯ
ด้านสังคม
สังคมของอาณาจักรสุโขทัยเป็นสังคมแบบพ่อปกครองลูก พระมหากษัตริย์ทรงปกครองราษฎรอย่างใกล้ชิด พระราชทานสิทธิเสรีภาพแก่ราษฎรอย่างเต็มที่ มีการแบ่งชนชั้นทางสังคมออกเป็น 4 ชนชั้น ได้แก่ ชนชั้นผู้ปกครอง (พ่อขุน ลูกขุน) ชนชั้นไพร่ (สามัญชน) และชนชั้นทาส (ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีหรือไม่)
ด้านศาสนา
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักของอาณาจักรสุโขทัย พระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ มีการส่งเสริมให้ราษฎรนับถือพระพุทธศาสนา มีการบูรณะวัดวาอาราม ก่อสร้างศาสนสถานต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น พระปรางค์วัดศรีสัชนาลัย พระปรางค์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ฯลฯ
ด้านศิลปวัฒนธรรม
อาณาจักรสุโขทัยเป็นศูนย์กลางของศิลปวัฒนธรรมไทย มีการพัฒนาการด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม ประติมากรรม ดนตรี นาฏศิลป์ ฯลฯ ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมของสุโขทัยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ศิลปะวรรณกรรมของสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของวรรณกรรมไทย วรรณกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ศิลาจารึกหลักที่ 1 ไตรภูมิพระร่วง ฯลฯ
การปกครองสมัยสุโขทัย
อาณาจักรสุโขทัยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ
- แบบปิตุราชาธิปไตย ในระยะแรกสุโขทัยมีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก เรียกพระมหากษัตริย์ว่า “พ่อขุน” ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อที่จะต้องดูแลคุ้มครองลูก ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โปรดให้สร้างกระดิ่งแขวนไว้ที่หน้าประตูพระราชวัง เมื่อประชาชนมีเรื่องเดือดร้อนก็ให้ไปสั่นกระดิ่งร้องเรียน พระองค์ก็จะเสด็จมารับเรื่องราวร้องทุกข์ และโปรดให้สร้างพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ได้กลางดงตาล ในวันพระจะนิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์สั่งสอนประชาชน หากเป็นวันธรรมดาพระองค์จะเสด็จออกให้ประชาชนเข้าเฝ้าและตัดสินคดีความด้วยพระองค์เอง การปกครองแบบนี้ปรากฏในสมัยกรุงสุโขทัยตอนต้น
- แบบธรรมราชา (กษัตริย์ผู้ทรงธรรม) ในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ มีกำลังทหารที่ไม่เข้มแข็ง ประกอบกับอาณาจักรอยุธยาที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ได้แผ่อิทธิพลมากขึ้น พระองค์ทรงเกรงภัยอันตรายจะบังเกิดแก่อาณาจักรสุโขทัย หากใช้กำลังทหารเพียงอย่างเดียว พระองค์จึงทรงนำหลักธรรมมาใช้ในการปกครอง โดยพระองค์ทรงเป็น แบบอย่างในด้านการปฏิบัติธรรม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ที่ปรากฏแนวคิดแบบธรรมราชาไว้ด้วย การปกครองแบบนี้ใช้ในสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย ตั้งแต่พระมหาธรรมราชาที่ 1 – 4
ด้านการปกครองส่วนย่อยสามารถแยกกล่าวเป็น 2 แนว ดังนี้
- ในแนวราบ จัดการปกครองแบบพ่อปกครองลูก กล่าวคือผู้ปกครองจะมีความใกล้ชิดกับประชาชน ให้ความเป็นกันเองและความยุติธรรมกับประชาชนเป็นอย่างมาก เมื่อประชาชนเกิดความเดือดร้อนไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนกับพ่อขุนโดยตรงได้ โดยไปสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้ที่หน้าประตูที่ประทับ ดังข้อความในศิลาจารึกปรากฏว่า “…ในปากประตูมีกระดิ่งอันหนึ่งไว้ให้ ไพร่ฟ้าหน้าใส…” นั่นคือเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถมาสั่นกระดิ่งเพื่อแจ้งข้อร้องเรียนได้
- ในแนวดิ่ง ได้มีการจัดระบบการปกครองขึ้นเป็น 4 ชนชั้น คือ
- พ่อขุน เป็นชนชั้นผู้ปกครอง อาจเรียกชื่ออย่างอื่น เช่น เจ้าเมือง พระมหาธรรมราชา หากมีโอรสก็จะเรียก “ลูกเจ้า”
- ลูกขุน เป็นข้าราชบริพาร ข้าราชการที่มีตำแหน่งหน้าที่ช่วงปกครองเมืองหลวง หัวเมืองใหญ่น้อย และภายในราชสำนัก เป็นกลุ่มคนที่ใกล้ชิดและได้รับการไว้วางใจจากเจ้าเมืองให้ปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ไพร่ฟ้า
- ไพร่หรือสามัญชน ได้แก่ราษฎรทั่วไปที่อยู่ในราชอาณาจักร (ไพร่ฟ้า)
- ทาส ได้แก่ชนชั้นที่ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิตอย่างสามัญชนหรือไพร่ (อย่างไรก็ตามประเด็นทาสนี้ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ามีหรือไม่)
การล่มสลายของอาณาจักรสุโขทัย
ในปี พ.ศ. 2127 หลังจากชัยชนะในสงครามที่แม่น้ำสะโตง พระนเรศวรให้เทครัวหัวเมืองแห่งภาคเหนือทั้งหมด (รวมถึงพระพิษณุโลกสองแคว เมืองสุโขทัย เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองพิจิตร และเมืองพระบาง)[4] ลงที่อยุธยาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรบครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้เมืองพระพิษณุโลกและเมืองในภาคเหนือทั้งหมดตกเป็นเมืองทรุดโทรม หลังจากที่เทครัวไปยังภาคใต้ ก็ส่งผลให้สิ้นสุดการแบ่งแยกระหว่างชาวสุโขทัยในภาคเหนือและภาคใต้ และถือเป็นจุดสิ้นสุดของอาณาจักรสุโขทัยอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากหลังจากนี้ ภายใน 8 ปี พระพิษณุโลกได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง แต่ยังคงเป็นเมืองอิสระในอาณาจักร ไม่ใช่เป็นราชธานีของพระองค์ในภาคเหนือ
ในด้านทางวิชาการ มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านเสนอว่า สาเหตุหนึ่งที่ต้องเทครัวเมืองในภาคเหนือโดยเฉพาะพระพิษณุโลก อยู่ที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในรอยเลื่อนวังเจ้า ในปี พุทธศักราช 2127 การแผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้เมืองพิษณุโลกเสียหายอย่างร้างราย แม้แต่ทางน้ำเค็มก็เปลี่ยนทิศทางที่ไม่ได้ผ่านเมืองพิษณุโลก แต่ไปตกที่แม่น้ำโพ (ที่ในปัจจุบันคือแม่น้ำน่าน) ทางด้านเหนือของเมืองพิษณุโลก และส่งผลให้พระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลกที่มีความสำคัญหักล้มลงในลักษณะที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ง่าย ดังนั้นในการฟื้นฟูเมือง จึงต้องมีการสร้างพระปรางค์แบบอยุธยาครอบทับลงไปแทนทั้งหมด
ในช่วงเวลาประมาณครึ่งศตวรรษหลังจากนั้น ประวัติศาสตร์ในแคว้นสุโขทัยได้รับการบันทึกไว้ว่า มีการแข่งขันเลือดระหว่าง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ที่มีอำนาจอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาและสุพรรณบุรี ซึ่งพยายามเข้าครอบงำแคว้นสุโขทัยทีละเล็กทีละน้อย ผ่านทางการสมรสระหว่างเจ้านายของทั้งสองราชวงศ์ การใช้ระบบขุนนางเข้าแทรกซึม และการสนับสนุนด้านกำลังให้แก่เจ้านายสุโขทัยที่เป็นฝ่ายพวกเครือญาติ ซึ่งอยู่ฝ่ายของสุพรรณภูมิที่มีอิทธิพลมากกว่า
ความสำคัญของอาณาจักรสุโขทัย
สุโขทัย สำคัญมากในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยด้วยหลายสิ่งที่ไม่ควรลืม
- เป็นราชธานีแรกของประเทศไทยที่มีขอบเขตอาณาเขตที่กว้างใหญ่ที่สุด
- เป็นที่กำเนิดของพระมหากษัตริย์แห่งแรกของชาวไทย คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
- เป็นแหล่งกำเนิดของการเขียนสมัยไทย และเป็นที่กำเนิดของเรื่อง “ไตรภูมิพระร่วง”
- เป็นสมัยที่ไทยได้เข้าสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่าง ๆ ครั้งแรก
- เป็นแหล่งกำเนิดศิลปวัฒนธรรมที่ถือว่าเป็นยุคทองของศิลปะไทย
- เป็นที่กำเนิดของงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียง ซึ่งเรียกว่า “เครื่องถ้วยสังคโลก”
อาณาจักรสุโขทัยในยุคปัจจุบัน
ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2475 การเมืองได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่ออำเภอธานีเป็น อำเภอสุโขทัยธานี ที่อยู่ภายใต้การดูแลของจังหวัดสวรรคโลก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2482 ได้ถูกเพิ่มเป็น จังหวัดสุโขทัย และเป็นที่ประจบของอำเภอสุโขทัยธานีตั้งแต่นั้นไปในภายหลัง
อาณาจักรสุโขทัยเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและอารยธรรมไทยในปัจจุบัน มรดกทางวัฒนธรรมของสุโขทัยได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ข้อสรุป
อาณาจักรสุโขทัยเป็นอาณาจักรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์ไทย เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและอารยธรรมไทยในปัจจุบัน อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม
ร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “อาณาจักรสุโขทัย (Sukhothai)”