ทศพิธราชธรรม
ทศพิธราชธรรม คือธรรม 10 ประการที่พระมหากษัตริย์พึงมี ซึ่งรวมไปถึงเจ้าเมือง ผู้นำ และผู้ปกครองแคว้นต่างๆ ทศพิธราชธรรมเป็นหลักธรรมประจำองค์พระมหากษัตริย์หรือเป็นคุณธรรมประจำตนของผู้ปกครองบ้านเมือง ตามหลักของพระพุทธศาสนา
ทศพิธราชธรรมปรากฏอยู่ในมหาหังสชาดก พระสูตร ขุททกนิกาย ชาดก ปรากฏพระคาถาว่า
ทานํ สีลํ ปริจจาคํ
(ทาน ศีล บริจาค อาชฺชวะ มัทฺทวํ ตบํ อโกธํ อวิหิงสา ขันติ อวิโรธนํ)
อาชฺชวํ มทฺทวํ ตบํ
อโกธํ อวิหิงสา
ขันติ อวิโรธนํ
ทศพิธราชธรรม หมายถึง ธรรม 10 ประการที่พระมหากษัตริย์พึงมี เป็นหลักธรรมประจำองค์พระมหากษัตริย์หรือเป็นคุณธรรมประจำตนของผู้ปกครองบ้านเมือง เป็นแนวทางในการบริหารประเทศอย่างเป็นธรรม ทศพิธราชธรรมมีดังนี้
ทศพิธราชธรรมทั้ง 10
1. ทาน: การให้
ทาน หมายถึง การให้โดยเสละเสียความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น ได้แก่ การให้วัตถุสิ่งของ การให้ความรู้ การให้ธรรมะ การให้โอกาส และการแบ่งปันทรัพยากร
ทานเป็นหลักธรรมที่มีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่สำหรับผู้รับเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อผู้ให้ด้วยเช่นกัน การให้โดยสละเสียความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น เป็นการสร้างบุญกุศลให้กับตัวเอง ช่วยให้จิตใจสงบสุข และหลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัว
นอกจากนี้ การให้ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลและสังคม ช่วยลดความขัดแย้งและความเหลื่อมล้ำ ทำให้สังคมมีความสงบสุข ร่มเย็น และน่าอยู่ยิ่งขึ้น
อ่านต่อ: ทาน (ทศพิธราชธรรม)
2. ศีล: ความประพฤติสุจริต
ศีลธรรมเป็นพื้นฐานของสังคมที่สงบสุข การมีศีลจะทำให้บุคคลมีจิตใจที่มั่นคง ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ส่งผลให้ไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่น ศีลของทศพิศราชธรรม หมายถึง ศีล 5 หรือเบญจศีล ศีลแต่ละข้อมีความหมายและประโยชน์ดังนี้
- ไม่ฆ่าสัตว์ หมายถึง เว้นจากการฆ่าสัตว์หรือเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
- ไม่ลักทรัพย์ หมายถึง เว้นจากการลักขโมยหรือแย่งชิงทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
- ไม่ประพฤติผิดในกาม หมายถึง เว้นจากการล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น
- ไม่โกหก หมายถึง เว้นจากการพูดเท็จหรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา หมายถึง เว้นจากการดื่มสุราหรือสิ่งเสพติดที่ทำให้มึนเมา
การปฏิบัติตามศีล 5 ประการ จะช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากมลทิน ส่งผลให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี มีความสุข และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข
อ่านต่อ: ศีล (ทศพิธราชธรรม)
3. ปริจจาค: ความเสียสละ
ปริจจาค หมายถึง ความเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม ได้แก่ การเสียสละเวลา การเสียสละความสะดวกสบาย และการเสียสละทรัพยากร
ความเสียสละเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ มีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมเป็นอย่างมาก ความเสียสละช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่งดงาม ปราศจากความโลภ ความตระหนี่ ส่งผลให้มีความสุขและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติ
นอกจากนี้ ความเสียสละยังเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของผู้อื่น ส่งผลให้สังคมมีความสงบสุขและเจริญก้าวหน้า
อ่านต่อ: ปริจจาค (ทศพิธราชธรรม)
4. อาชชวะ: ความซื่อตรง
อาชชวะ หมายถึง ความซื่อตรงในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง ดำรงอยู่ในสัตย์สุจริต ซื่อตรงต่อพระราชสัมพันธมิตร และอาณาประชาราษฎ์
ความซื่อตรงเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ มีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมเป็นอย่างมาก ความซื่อตรงช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่มั่นคง ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ส่งผลให้ไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่น
ความซื่อตรงยังมีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างมาก สังคมที่เต็มไปด้วยความซื่อตรง ย่อมเป็นสังคมที่มั่นคง น่าอยู่ ประชาชนสามารถพึ่งพาอาศัยกันได้ ส่งผลให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า
อ่านต่อ: อาชชวะ (ทศพิธราชธรรม)
5. มัททวะ: ความสุภาพอ่อนโยน
มัททวะ หมายถึง ความสุภาพอ่อนโยน มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มีความเคารพผู้อาวุโสและอ่อนโยนต่อบุคคลที่เสมอและต่ำกว่า
ความสุภาพอ่อนโยนเป็นคุณธรรมอันงดงามที่ทุกคนพึงมี เป็นความประพฤติที่แสดงออกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักกาลเทศะ รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง และไม่ก้าวร้าวผู้อื่น
อ่านต่อ: มัททวะ (ทศพิธราชธรรม)
6. ตบะ: ความเพียร
ตบะ หมายถึง ความเพียรที่แผดเผาความเกียจคร้าน คือ การที่พระมหากษัตริย์ทรงตั้งพระราชอุตสาหะปฏิบัติพระราชกรณียกิจให้เป็นไปด้วยดี โดยปราศจากความเกียจคร้าน
ความเพียรเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ มีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมเป็นอย่างมาก ความเพียรช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่เข้มแข็ง อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและปัญหา ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในชีวิต
ความเพียรยังมีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างมาก สังคมที่เต็มไปด้วยความเพียร ย่อมเป็นสังคมที่เจริญก้าวหน้า ประชาชนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ไปได้
อ่านต่อ: ตบะ (ทศพิธราชธรรม)
7. อักโกธะ: ความไม่โกรธ
อักโกธะ หมายถึง ความไม่โกรธ ทรงมีพระกริยาที่ไม่โกรธโดยวิสัย มิใช่เหตุที่ควรโกรธ แม้มีเหตุที่ให้ทรงพระพิโรธ แต่ทรงข่มเสียให้อันตรธานสงบระงับไป ด้วยทรงมีพระเมตตาอยู่เสมอ ไม่ทรงปรารถนาจะก่อภัย ก่อเวรแก่ผู้ใด
ความไม่โกรธเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ มีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมเป็นอย่างมาก ความไม่โกรธช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่สงบนิ่ง ปราศจากความทุกข์ ความกังวล ส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข
ความไม่โกรธยังมีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างมาก สังคมที่เต็มไปด้วยความไม่โกรธ ย่อมเป็นสังคมที่สงบสุข ร่มเย็น ปราศจากความรุนแรงและความขัดแย้ง ส่งผลให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้า
อ่านต่อ: อักโกธะ (ทศพิธราชธรรม)
8. อวิหิงสา: ความไม่เบียดเบียน
อวิหิงสา หมายถึง ความไม่เบียดเบียน ด้วยทรงมีพระราชอัฌชาสัยกอปรด้วยพระราชกรุณา ไม่ทรงปรารถนาจะก่อทุกข์แก่ผู้ใดแม้กระทั้งสัตว์ ไม่ทรงเบียดเบียนพระราชวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และอาณาประชาราษฎร์ ให้ลำบากด้วยเหตุอันไม่ควรกระทำ
ความไม่เบียดเบียนเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ มีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมเป็นอย่างมาก ความไม่เบียดเบียนช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่เมตตากรุณา ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข
ความไม่เบียดเบียนยังมีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างมาก สังคมที่เต็มไปด้วยความไม่เบียดเบียน ย่อมเป็นสังคมที่สงบสุข ร่มเย็น ปราศจากความรุนแรงและความขัดแย้ง ส่งผลให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้า
อ่านต่อ: อวิหิงสา (ทศพิธราชธรรม)
9. ขันติ: ความอดทน
ขันติ หมายถึง ความอดทน สามารถอดกลั้นต่อความลำบาก ความทุกข์ และความโกรธได้ ไม่ปล่อยใจให้โกรธเกลียดหรืออาฆาตแค้นผู้อื่น
ความอดทนเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ มีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมเป็นอย่างมาก ความอดทนช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่เข้มแข็ง มั่นคง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและปัญหา ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในชีวิต
ความอดทนยังมีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างมาก สังคมที่เต็มไปด้วยความอดทน ย่อมเป็นสังคมที่เจริญก้าวหน้า ประชาชนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ไปได้
อ่านต่อ: ขันติ (ทศพิธราชธรรม)
10. อวิโรธะ: ความไม่เบียดเบียน
อวิโรธะ หมายถึง ความไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นด้วยกาย วาจา หรือใจ ไม่ทำให้ผู้ใดเดือดร้อนหรือเสียใจด้วยการกระทำของตนเอง
ความไม่เบียดเบียนเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ มีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมเป็นอย่างมาก ความไม่เบียดเบียนช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่เมตตากรุณา ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข
ความไม่เบียดเบียนยังมีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างมาก สังคมที่เต็มไปด้วยความไม่เบียดเบียน ย่อมเป็นสังคมที่สงบสุข ร่มเย็น ปราศจากความรุนแรงและความขัดแย้ง ส่งผลให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้า
อ่านต่อ: อวิโรธะ (ทศพิธราชธรรม)
ความสำคัญของทศพิธราชธรรม
ทศพิธราชธรรมมีความสำคัญมากสำหรับพระมหากษัตริย์และผู้ปกครองบ้านเมือง เพราะช่วยให้ผู้นำดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง มีคุณธรรม มีเมตตา และสามารถปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขได้
ประโยชน์ของทศพิธราชธรรม
ทศพิธราชธรรมเป็นหลักธรรมที่สำคัญมากสำหรับพระมหากษัตริย์และผู้ปกครองบ้านเมือง เพราะช่วยให้ผู้นำดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง มีคุณธรรม มีเมตตา และสามารถปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขได้ นอกจากนี้ ทศพิธราชธรรมยังเป็นหลักธรรมที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ เพื่อให้ตนเองเป็นคนดี เป็นที่รักของผู้อื่น และมีชีวิตที่สงบสุข
ทศพิธราชธรรม และการบริการประเทศในยุคปัจจุบัน
สำหรับผู้นำประเทศในยุคปัจจุบัน ทศพิธราชธรรมเป็นแนวทางสำคัญในการปกครองบ้านเมืองให้เกิดความสงบร่มเย็นและประชาชนอยู่ดีกินดี ผู้นำประเทศควรยึดมั่นปฏิบัติทศพิธราชธรรมทั้ง 10 ประการอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในด้าน ศีล หมายถึง การปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามหลักศีลธรรมของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่ทุกคนควรยึดมั่นปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสงบสุขทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ศีลในทศพิธราชธรรม ประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่
- อทาสะ หรือ ความไม่เบียดเบียน คือ การไม่ทำร้ายผู้อื่นทั้งกาย วาจา และใจ ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
- สัจจะ หรือ ความซื่อสัตย์ คือ การพูดความจริง ไม่โกหก ไม่หลอกลวงผู้อื่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
- อทินนา หรือ ความไม่ลักทรัพย์ คือ การไม่ลักขโมยทรัพย์สินของผู้ออื่น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าหรือไม่มีมูลค่าก็ตาม
นอกจากนี้ ผู้นำประเทศควรยึดมั่นปฏิบัติทศพิธราชธรรมในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ขันติ หมายถึง ความอดทน อาชชวะ หมายถึง ความซื่อสัตย์สุจริต มัททวะ หมายถึง ความอ่อนโยน ปัญญา หมายถึง ความรู้แจ้ง เป็นต้น
การยึดมั่นปฏิบัติทศพิธราชธรรมของผู้นำประเทศ จะช่วยให้ประเทศชาติมีความสงบสุข ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า และสังคมมีสันติสุข
ตัวอย่างการนำทศพิธราชธรรมมาประยุกต์ใช้ในการบริการประเทศ
- ในด้านศีล ผู้นำประเทศควรยึดมั่นในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา เช่น หลักอริยมรรค 8 ประการ หลักพรหมวิหาร 4 เป็นต้น เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตนที่ถูกต้องและนำประเทศไปสู่ความเจริญ
- ในด้านขันติ ผู้นำประเทศควรมีความอดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่รอบคอบและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
- ในด้านอาชชวะ ผู้นำประเทศควรมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทุจริตต่อหน้าที่ เพื่อนำไปสู่การบริหารประเทศที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
- ในด้านมัททวะ ผู้นำประเทศควรมีความอ่อนโยน เข้าใจผู้อื่น และพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชน เพื่อนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นำกับประชาชน
- ในด้านปัญญา ผู้นำประเทศควรมีความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์ต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ทศพิธราชธรรมเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ผู้นำประเทศสามารถปกครองบ้านเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ
บุคคลธรรมดา สามารถปฏิบัติตามทศพิธราชธรรมได้ไหม?
ได้สิ! และดีด้วย
ทศพิธราชธรรมเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่ทุกคนควรยึดมั่นปฏิบัติ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่บุคคลธรรมดาก็สามารถปฏิบัติตามได้เช่นกัน เพราะจะช่วยให้บุคคลสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต
สำหรับบุคคลธรรมดา ทศพิธราชธรรมจะช่วยเสริมสร้างให้บุคคลมีคุณลักษณะที่ดี เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความเมตตากรุณา ความอดทน ความมีสติปัญญา เป็นต้น คุณลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้บุคคลสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบสุข สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ และประสบความสำเร็จในชีวิต
ตัวอย่างประโยชน์ของทศพิธราชธรรมต่อบุคคลธรรมดา เช่น
- ความซื่อสัตย์สุจริต ช่วยให้บุคคลได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น และประสบความสำเร็จในการทำงาน
- ความเมตตากรุณา ช่วยให้บุคคลมีจิตใจที่อ่อนโยน เข้าใจผู้อื่น และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
- ความอดทน ช่วยให้บุคคลสามารถเผชิญกับอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง
- ความมีสติปัญญา ช่วยให้บุคคลสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ และประสบความสำเร็จในชีวิต
ดังนั้น ทศพิธราชธรรมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อบุคคลธรรมดาทุกคน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม หากบุคคลทุกคนสามารถยึดมั่นปฏิบัติทศพิธราชธรรมได้ สังคมก็จะน่าอยู่ยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทศพิธราชธรรม
ถาม: ทศพิธราชธรรมมีความสำคัญอย่างไร?
ทศพิธราชธรรมมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะช่วยให้บุคคลสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง คุณธรรมเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคล ช่วยให้บุคคลสามารถเอาชนะกิเลสและอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง
ถาม: เราจะฝึกฝนทศพิธราชธรรมได้อย่างไร?
การฝึกฝนทศพิธราชธรรมต้องอาศัยความเพียรและความอดทนอย่างต่อเนื่อง เราสามารถเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนทีละข้อ เช่น ฝึกพูดความจริง ฝึกอดทน ฝึกไม่โกรธ เป็นต้น เมื่อเราฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณธรรมเหล่านี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราเอง
ถาม: ทศพิธราชธรรมจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร?
ทศพิธราชธรรมจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้หลายประการ เช่น
- ช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
- ช่วยให้เรามีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
- ช่วยให้เรามีสติปัญญาในการแก้ปัญหาต่าง ๆ
- ช่วยให้เรามีชีวิตที่สงบสุขและมีความสุข
บทสรุป
ทศพิธราชธรรมเป็นธรรมะอันยิ่งใหญ่ที่พระมหากษัตริย์และผู้ปกครองบ้านเมืองพึงมี ควรศึกษาและปฏิบัติตามอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข และนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล
- พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). (2556). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
- พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2553). พุทธธรรม ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
- มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2554). พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
- พุทธทาสภิกขุ. (2553). ธรรมะเพื่อชีวิต. กรุงเทพฯ: สหธรรมิก.
- ว.วชิรเมธี. (2551). ทศพิธราชธรรม. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
- https://www.porpeang.org
- http://www.hiclasssociety.com
- https://www.dol.go.th
ร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “ทศพิธราชธรรม: ธรรมะแห่งพระมหากษัตริย์”