รูปธรรม
รูปธรรม ในศาสนาพุทธหมายถึง สิ่งที่มีรูปร่าง เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เป็นสิ่งที่มีขอบเขตและตั้งอยู่ในมิติของเวลาและอวกาศ รูปธรรมคือโลกแห่งความเป็นจริงที่เราอาศัยอยู่ และโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรา
รูปธรรมเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของ ขันธ์ 5 หมายถึง องค์ประกอบทั้ง 5 ประการที่ประกอบเป็นมนุษย์และสรรพสัตว์ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
รูปธรรม สภาวธรรมที่เป็นรูปธรรม
ในโลกแห่งความเป็นจริงที่เราอาศัยอยู่นี้ เต็มไปด้วยสิ่งที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต วัตถุต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยและสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ยังมีอีกโลกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจของเรา โลกแห่งความคิด ความรู้สึก ความจำ และจินตนาการ โลกแห่งนี้เป็นโลกที่ละเอียดอ่อนและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เป็นโลกที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเรามอย่างมาก
ในศาสนาพุทธ โลกแห่งความเป็นจริงที่เราอาศัยอยู่นี้เรียกว่า รูปธรรม หมายถึง สิ่งที่มีรูปร่าง ส่วนโลกแห่งความคิด ความรู้สึก ความจำ และจินตนาการ ที่อยู่ภายในจิตใจของเราเรียกว่า อรูปธรรม หมายถึง สิ่งที่ไม่มีรูปร่าง
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ รูปธรรมในศาสนาพุทธ กันให้มากขึ้น ว่าคืออะไร แบ่งออกเป็นประเภทใดบ้าง มีความสัมพันธ์กับอรูปธรรมอย่างไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการดำเนินชีวิต
ประเภทของรูปธรรมในศาสนาพุทธ
รูปธรรมในศาสนาพุทธแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. รูปธรรมนอกกาย หมายถึง รูปธรรมที่อยู่ภายนอกตัวบุคคล เช่น ร่างกาย วัตถุต่างๆ ในโลก
รูปธรรมนอกกายแบ่งออกเป็น 28 ประเภท ได้แก่
- รูปขันธ์ หมายถึง รูปธรรมที่ประกอบเป็นร่างกาย ได้แก่ ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม
- อารมณ์ขันธ์ หมายถึง รูปธรรมที่ประกอบเป็นอารมณ์ความรู้สึก ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
- สัญญาขันธ์ หมายถึง รูปธรรมที่ประกอบเป็นความรู้จำ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
- สังขารขันธ์ หมายถึง รูปธรรมที่ประกอบเป็นความคิด เจตนา ได้แก่ เจตสิก 52 ประเภท
2.รูปธรรมภายในกาย หมายถึง รูปธรรมที่อยู่ภายในตัวบุคคล เช่น อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ธาตุทั้ง 4
รูปธรรมภายในกายแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- มหาภูตรูป หมายถึง ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม
- อรูปภูตรูป หมายถึง ธาตุที่ไม่มีรูปธรรม ได้แก่ อากาศ อากาศธาตุ อากาสธาตุ วิญญาณธาตุ
รูปธรรมทั้ง 2 ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรา รูปธรรมนอกกายช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ ส่วนรูปธรรมภายในกายช่วยให้เราคิด รู้สึก และกระทำต่างๆ ได้
หากเราเข้าใจรูปธรรมทั้ง 2 ประเภทอย่างถ่องแท้ เราจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม
ลักษณะของรูปธรรมในศาสนาพุทธ
รูปธรรมมีลักษณะดังนี้
- มีรูปร่าง สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ ตัวอย่างเช่น ร่างกาย วัตถุต่างๆ ในโลก
- มีขอบเขต มีที่ตั้งและขนาด ตัวอย่างเช่น ร่างกายของคนเรามีขอบเขตตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
- ตั้งอยู่ในมิติของเวลาและอวกาศ เกิดขึ้นแล้วดับไป ตัวอย่างเช่น ร่างกายของคนเราเกิดมาแล้วก็ดับไป วัตถุต่างๆ ในโลกก็เกิดขึ้นแล้วดับไปเช่นกัน
- เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ตัวอย่างเช่น ร่างกายของคนเราเปลี่ยนแปลงไปตามวัย วัตถุต่างๆ ในโลกก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ลักษณะของรูปธรรมเหล่านี้มีความสำคัญต่อความเข้าใจรูปธรรมในศาสนาพุทธ ช่วยให้เราเข้าใจว่ารูปธรรมเป็นอย่างไร มีขอบเขตอย่างไร และเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ความสัมพันธ์ระหว่างรูปธรรมและอรูปธรรม
รูปธรรมและ อรูปธรรม มีความสัมพันธ์กัน โดยรูปธรรมเป็นพื้นฐานของอรูปธรรม อรูปธรรมเกิดขึ้นจากรูปธรรม อรูปธรรมดับไปรูปธรรมดับ
ตัวอย่างเช่น จิต ซึ่งเป็นอรูปธรรม เกิดขึ้นจากรูปธรรมต่างๆ เช่น ร่างกาย ประสาทสัมผัส อารมณ์ และความคิด
ความสำคัญของรูปธรรมในศาสนาพุทธ
รูปธรรมมีความสำคัญในศาสนาพุทธดังนี้
- เป็นพื้นฐานของชีวิต รูปธรรมเป็นพื้นฐานของชีวิต ช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น ร่างกายของเราช่วยให้เราเคลื่อนไหว หายใจ กินอาหาร ทำงาน เป็นต้น
- เป็นสื่อการเรียนรู้ความจริง รูปธรรมเป็นสื่อให้เราเรียนรู้ความจริงของโลกและตัวเราเอง เช่น ความจริงของความไม่เที่ยงแท้ ความจริงของความทุกข์ เป็นต้น
- เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุธรรมขั้นสูง จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจรูปธรรมก่อน เช่น ความเข้าใจในกฎไตรลักษณ์ เป็นต้น
รูปธรรมมีความสำคัญทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลก รูปธรรมช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ ส่วนทางธรรม รูปธรรมช่วยให้เราเรียนรู้ความจริงของโลกและตัวเราเอง และช่วยให้เราบรรลุธรรมขั้นสูง
คำถามที่พบบ่อย
ถาม: คุณคิดว่าลักษณะใดของรูปธรรมมีความสำคัญที่สุดสำหรับคุณ?
ตอบ: สำหรับผมแล้ว ลักษณะที่รูปธรรมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลามีความสำคัญที่สุดสำหรับผม เพราะทำให้เราตระหนักว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คงอยู่ถาวร ทุกอย่างล้วนต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ผมเชื่อว่าหากทุกคนเข้าใจลักษณะของรูปธรรมอย่างถ่องแท้ เราจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเข้าใจโลกและความเป็นจริง
บทสรุป
ในศาสนาพุทธ รูปธรรมและอรูปธรรมมีความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน รูปธรรมเป็นพื้นฐานของชีวิต ช่วยให้เราในการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่วนอรูปธรรมเป็นตัวกำหนดความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเรา
หากเราเข้าใจรูปธรรมและอรูปธรรมอย่างถ่องแท้ เราจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล
- พระธรรมปิฎก (2556). พุทธธรรม ฉบับเดิม. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สหธรรมิก.
- ณัฐภร อินทุยศ (2556). จิตวิทยาทั่วไป. (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- รัจรี นพเกตุ (2540). จิตวิทยาการรับรู้. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักพิมพ์ประกายพรึก.
- ยูวัล โนอาห์ แฮรารี (2561). เซเปียนส์ประวัติย่อมนุษยชาติ. (นำชัย ชีววิวรรธน์, แปล). (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ยิปซี กรุ๊ป.
- พระไพศาล วิสาโล (2564). พุทธธรรม 4.0: ปัญญาบริหารชีวิต. (พิมพ์ครั้งที่ 21). กรุงเทพฯ: ธรรมกวี.
ร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “รูปธรรม หลักธรรมพระพุทธศาสนา”