
Columbus Day
หรือวันโคลัมบัส
วันแห่งการค้นพบทวีปอเมริกา
วันโคลัมบัส (Columbus Day) เป็นวันสำคัญในระดับโลก ที่ระลึกถึงการสำรวจและค้นพบทวีปอเมริกาโดยนักเดินเรือชาวอิตาลี Christopher Columbus (คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส) ซึ่งในภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น วันของชนพื้นเมือง แทน
ในปัจจุบันมีกระแสต่อต้านโคลัมบัส เนื่องจากพบว่าในอดีตโคลัมบัสเข่นฆ่าชนพื้นเมืองจำนวนมาก และเปลี่ยนชื่อวันโคลัมบัสเป็น วันของชนพื้นเมือง (Indigenous Peoples’ Day) แทน คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในส่วนของ วันโคลัมบัสในยุคปัจจุบัน
วันโคลัมบัสตรงกับวันที่ 12 ตุลาคม ของทุกปี
วันโคลัมบัส (Columbus Day) ตรงกับวันที่ 12 ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันระลึกถึงการค้นพบของ Christopher Columbus ที่เป็นผู้ค้นพบ เริ่มต้นสำรวจและยึดครองทวีปอเมริกาอย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกหนึ่ง วันสำคัญของโลก

ประวัติของวันโคลัมบัส
วันโคลัมบัสเกิดขึ้นในตอนต้นของคริสตศักราช โดยเริ่มต้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในสหรัฐอเมริกา เป็นเวลาที่คนอเมริกันที่คิดถึงประวัติศาสตร์ และความสำคัญของ Christopher Columbus นักเดินเรือชาวอิตาลีที่ได้ค้นพบทวีปอเมริกา
ความเป็นมาของวันโคลัมบัส
Columbus Day มีความเป็นมาจากการค้นพบทวีปอเมริกาโดย Christopher Columbus ในปี 1492 มีการเชื่อมโยงกับการสำรวจและค้นพบทวีปใหม่ของเขา ซึ่งมีผลในการก่อตั้งอาณาจักรใหญ่ในอเมริกา
วัตถุประสงค์ของวันโคลัมบัส
วัตถุประสงค์หลักของ Columbus Day คือการระลึกถึงความสำคัญของการค้นพบทวีปอเมริกาโดย Christopher Columbus และการสรรหาของเขา มันเป็นโอกาสให้คนทั่วไปได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความสำคัญของการค้นพบทวีปใหม่ในการเริ่มต้นของโลกใหม่
ความสำคัญของวันโคลัมบัส
Columbus Day เป็นวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมันเน้นถึงความสำคัญของการสำรวจและค้นพบทวีปอเมริกา และมีความสัมพันธ์กับการสรรหาของ Christopher Columbus ซึ่งมีผลในการเริ่มต้นของการยึดครองและการพัฒนาทวีปใหม่ Columbus Day เป็นวันที่เฉลิมฉลองการค้นพบและสรรหาของ Christopher Columbus ที่มีผลในการสร้างประวัติศาสตร์ของทวีปอเมริกา มันเน้นถึงความสำคัญของการสำรวจและค้นพบทวีปใหม่ในเรื่องของสหรัฐอเมริกา
Christopher Columbus (คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส)

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นนักเดินเรือชาวอิตาลีที่เป็นคนแรกที่เดินทางข้ามแอตแลนติกเข้าสู่อเมริกาในปี 1492 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในการค้นพบทวีปใหม่ของโลกแบบมหากาพย์ คริสโตเฟอร์
โคลัมบัสเป็นตำนานในโลกของการค้นพบและการสำรวจ แม้ว่าหลายคนอาจรู้จักเขาเฉพาะจากชื่อเสียงในการเดินเรือไปที่อเมริกา แต่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของเขา เนื่องจากผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นหลังการค้นพบนี้ แต่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสยังคงถูกจดจำในฐานะนักเดินเรือและผู้ค้นพบแห่งทวีปอเมริกาใหม่ที่แสนอัศจรรย์

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเดินทางจากประเทศอิตาลีไปทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อค้นหาเส้นทางไปยังอินเดียในทะเลไทย แต่เขาสุดใจได้ค้นพบทวีปอเมริกาใหม่ในครั้งนั้น การค้นพบนี้เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของโลกอย่างสิ้นเชิง โดยมีการแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมระหว่างทวีป และก่อให้เกิดยุคสมัยการสำรวจและยุคความเจริญรุ่งเรืองของยุโรปในศตวรรษที่ 16 และ 17 การค้นพบนี้ยังเปิดทางให้ยุโรปมายังทวีปอเมริกาใหม่ในปีภายหลังที่นำมาซึ่งประชากรและวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่ในทางกลับกันก็ส่งผลเสียสำหรับชนเผ่าพืนถิ่นที่อยู่มานานในทวีปอเมริกาที่มีการรุกรานและสร้างฐานรากใหม่ให้กับสหรัฐอเมริกา
โคลัมบัส กับการเดินทางสู่ทวีปอเมริกาทั้งหมด 4 ครั้งในชีวิตของเขา

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้เดินทางไปยังอเมริกาใหม่ทั้งหมด 4 ครั้งในชีวิตของเขา โดยการเดินทางครั้งแรกเป็นครั้งสำคัญที่สุด เมื่อเขาได้เสร็จสิ้นการเดินทางในปี 1492 และค้นพบแผ่นดินแรกของทวีปอเมริกา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าและประวัติศาสตร์ของโลก ในครั้งถัดไปเมื่อปี 1493 ถึง 1496 เขาได้ทำการเดินทางครั้งที่สอง ครั้งนี้เขาเสนอข้อเสนอกับพระมหากาฬสปานวอ 5 ของสเปน เพื่อสร้างปฏิญาณการค้าและสำรวจแหล่งทรัพยากรในอเมริกา ในครั้งที่สาม เขาเดินทางมาทางตะวันออกเพื่อค้นหาเวลานิเซียสในปี 1498 และสุดท้ายในครั้งที่สี่ เขาเดินทางไปยังแหลมอคอนในปี 1502 ซึ่งเป็นการสำรวจที่ทำให้เขาค้นพบแผ่นดินที่ว่าด้วยเกาะและชายฝั่งมากมายในภาคเคราะห์แคริบเบียน แต่ไม่ได้ค้นพบเมืองบันเบกู
โคลัมบัสนั้นเคยมีการสำรวจอเมริกาใหม่ 4 ครั้งแต่การเดินทางครั้งสุดท้ายนี้ไม่ได้เป็นการสำรวจที่เป็นประโยชน์มากนัก โดยในทุกครั้งที่เดินทางเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากและอุปสรรคมากมายทั้งด้านระหว่างทางและการค้นพบของเขา แต่ความกล้าหาญและความกระตือรือร้นในการสำรวจของเขาได้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักราชวิทยาที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของโลก ค้นพบแผ่นดินใหม่และประมาณรูปร่างแห่งโลกในยุคที่ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน
การเดินทางสู่ทวีปอเมริกาครั้งแรกของโคลัมบัส

การเดินทางครั้งแรกของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสไปยังอเมริกาใหม่ในปี 1492 เป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญและน่าประทับใจมากในประวัติศาสตร์การสำรวจและค้นพบของโลก โคลัมบัสติดต่อกับราชาแฟรนซิสโกเรียและได้รับการสนับสนุนให้เดินทางไปค้นพบเส้นทางทะเลสายใหม่ไปยังอินเดีย โคลัมบัสบรรลุจุดที่ทวีปอเมริกาใหม่ทางตะวันตกแห่งแอตแลนติกในวันที่ 12 ตุลาคม 1492 ซึ่งเขาจำได้ดีว่าเป็นวันที่ทรงความสำคัญ เมื่อเรือนของเขา นินา นัดา รา เปีย เปอรา ติดพังไปที่เกาะซานซาลวาดอร์ ซึ่งตอนนั้นคือส่วนหนึ่งของบาฮามาส โคลัมบัสและลูกชายของเขา ดิเอโก โคลัมบัส เป็นคนแรกที่เดินขึ้นบนฝั่งของทวีปอเมริกาใหม่
การค้นพบนี้เปลี่ยนแปลงเวทีโลกและเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยการสำรวจและการค้นพบใหม่ ทวีปอเมริกาใหม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกและมีการแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมระหว่างยุโรปกับอเมริกาใหม่ที่มีผลทำให้ยุโรปเจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 และ 17 แต่ในทางกลับกันก็ส่งผลเสียสำหรับชนเผ่าพื้นถิ่นของทวีปอเมริกาที่ถูกรุกรานและสร้างฐานรากใหม่ให้กับสหรัฐอเมริกา การเดินทางครั้งแรกนี้เป็นฐานการก่อตั้งอีกยุคหนึ่งของประวัติศาสตร์และสังคมของโลกในศตวรรษที่ 15 และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในการสำรวจและเปิดประเทศใหม่ในทวีปอเมริกาใหม่ที่เรารู้จักในปัจจุบันว่า “อเมริกา”
การเดินทางสู่ทวีปอเมริกาครั้งที่สองของโคลัมบัส
การเดินทางครั้งที่สองของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสไปยังอเมริกาใหม่เกิดขึ้นในปี 1493 หลังจากทริปค้นพบครั้งแรกที่สำเร็จลุล่วงไปอย่างสวยงาม หลังจากการกลับมายังสเปนเขาได้รับการเชิญคืนมาจากกษัตริย์แฟรนซิสโกเรีย และเขาได้พรรคุณแก่เซนต์มาร์ตินของอลห์มาที่บาร์เซโลนา โคลัมบัสเริ่มการเดินทางครั้งที่สองโดยมีเป้าหมายในการค้นพบและสำรวจเพิ่มเติมในอเมริกาใหม่ หนึ่งในเป้าหมายหลักของเรือนี้คือการสืบค้นในบริเวณที่เรารู้จักว่าเป็นสหรัฐบริเวณที่ครั้งนั้นเป็นที่รู้จักในนาม “เซนต์มาร์ติน” หรือ St. Martin โดยเขาพาครอว์เข้าไปเสริมความรู้และความเข้าใจ
การเดินทางครั้งนี้พาโคลัมบัสสำรวจมาแนวชายฝั่งของเกาะพวกแคริบเบียนและแหลมฉบับรัฐสหรัฐอเมริกาที่กลายเป็นสมาคมรัฐในอนาคต ผ่านทางเกาะตูร์กัลา สามารถรู้จักในปัจจุบันว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมหาสมุทรแคริบเบียน และทางเหนือของฟอริดาที่มีชื่อเสียง ครั้งนี้เขาได้ค้นพบและเสริมแหล่งการค้ากับแคริบเบียน รวมถึงสำรวจชายฝั่งของเกาะซานฮูอันและเกาะคิวบาแอน การเดินทางครั้งที่สองนี้เน้นการสำรวจและการค้นพบความรู้ในที่สุดของโลกในยุคที่การสำรวจและค้นพบเป็นสิ่งสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในศตวรรษที่ 15 และ 16 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเป็นผู้นำที่สำคัญในการเริ่มต้นการสำรวจและค้นพบทวีปอเมริกาใหม่
การเดินทางสู่ทวีปอเมริกาครั้งที่สามของโคลัมบัส
การเดินทางครั้งที่สามของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสไปยังอเมริกาใหม่ในปี 1498 เป็นการเดินทางที่สำคัญและน่าจดจำในประวัติศาสตร์ ครั้งนี้เขารับภาระในการสืบค้นอะแกไรนา หรือ “El Dorado” ที่เป็นเมืองแห่งความริ่มรอยสมบัติ ที่คาดว่าอยู่ทางตะวันออกของแอมาซอนและเป็นจุดหมายสูงสุดในการค้นหาทรัพยากรอันยิ่งใหญ่ ครั้งนี้โคลัมบัสเดินทางกับเจ้าชายฟาเบียน ลูอิส บาซิล เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับกษัตริย์เซเลสเตียล ที่พร้อมให้การสนับสนุนเรือในการสำรวจ
การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ผลสำเร็จอย่างครั้งแรก โคลัมบัสไม่พบอะแกไรนาหรือ El Dorado แต่กลับพบกับมายาแคริบเบียน ที่เป็นบุคคลที่สำคัญในประวัติศาสตร์เรื่องสหรัฐบริเวณแคริบเบียน การเดินทางครั้งที่สามนี้จึงสร้างพื้นฐานสำคัญในการสำรวจและการค้นพบทางภูมิศาสตร์ในทวีปอเมริกาใหม่และมีผลมากในความเข้าใจของโลกในยุคนั้น การสำรวจแหล่งทรัพยากรที่ไม่รู้จักในทวีปอเมริกาใหม่เป็นเหตุการณ์ที่มีผลเสียบ้างแต่ก็เป็นการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในโลกที่ทำให้เราทราบถึงทวีปอเมริกาในยุคที่ 15 และ 16 มีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์ของโลกและการสำรวจทางภูมิศาสตร์ในยุคนั้น
การเดินทางสู่ทวีปอเมริกาครั้งที่สี่ของโคลัมบัส
การเดินทางครั้งที่สี่ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสไปยังอเมริกาใหม่ในปี 1502-1504 เป็นการเดินทางสุดท้ายของเขาไปยังทวีปอเมริกาใหม่ ครั้งนี้เขาได้รับมอบหมายจากนักราชวิทยาที่สเปนให้สำรวจและค้นหาเมืองแห่งโอโรปิ บันเบกูในทวีปอเมริกา ครั้งนี้เขาใช้เรือนาวิกแชนต์ที่เป็นเรือที่เหมาะสำหรับการสำรวจแหล่งน้ำและทรัพยากรต่าง ๆ แต่ก็มีความอุดมสมบูรณ์ ทว่าเขาไม่พบเมืองบันเบกูและเจ้าชายมายา ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการเดินทางครั้งนี้
ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เครื่องเรือของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้ประสบอุบัติเหตุและได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาชาวท้องถิ่น โดยเฉพาะชาวมะยมาที่สามารถช่วยกำลังใจและสนับสนุนการสำรวจของเขา แม้ครั้งนี้เขาไม่พบเมืองบันเบกู แต่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสมีความกล้าหาญที่สุดในการสำรวจอเมริกาใหม่และเป็นการเดินทางที่สร้างประโยชน์และเปลี่ยนแปลงทวีปอเมริกาใหม่ในประวัติศาสตร์ของโลก ความสำเร็จและความผิดพลาดในการสำรวจของเขาได้เป็นประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญและสร้างมูลค่าให้กับความรู้และการสำรวจในยุคที่ 15 และ 16
กิจกรรมที่ทำกันในวันโคลัมบัส

ใน Columbus Day มีกิจกรรมหลากหลายที่จัดขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกา รวมถึงการแสดงขบวนและการแสดงสานต์ การแสดงภาพยนตร์และละครเวทีที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของ Christopher Columbus การแข่งขันกีฬาและการจัดงานพิธีกรรมต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และการค้นพบทวีปใหม่อยู่เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปี 1992
วันโคลัมบัสในยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน Columbus Day มีการโต้แย้งและการสัมพันธ์ที่ฉับพลัน เนื่องจากมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับการสรรหาของ Christopher Columbus ที่มีผลในการค้นพบทวีปอเมริกา บางคนเห็นว่ามันเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์และควรรักษาไว้ เนื่องจากมันเน้นถึงความสำคัญของการสำรวจและค้นพบ ในขณะที่คนอื่นเห็นว่ามันมีความเชื่อมโยงกับการคุ้มครองสิทธิของชนพื้นเมืองและควรให้ความสนับสนุนในการเปลี่ยนชื่อวันนี้เป็น Indigenous Peoples’ Day เพื่อระลึกถึงประชากรชนพื้นเมืองและสรรหาของ Columbus ที่มีผลในการกบฏของชนพื้นเมือง
คดีพลิก เมื่อพบหลักฐานว่าโคลัมบัสกดขี่ และเข่นฆ่าชาวพื้นเมืองจำนวนมาก
ในปัจจุบัน เกิดการต่อต้านแรงกดดันต่อการรำลึกถึงความเป็นโคลัมบัส เมื่อสำรวจประวัติของเขาพบว่าเขามีการกระทำที่ไม่ดีเยี่ยมมากมาย ตามประวัติศาสตร์ของการค้นพบ ‘โลกใหม่’ โคลัมบัส เป็นผู้ที่ก่อเหตุเริ่มแรกของความรุนแรงและการปล้นทรัพยากรจากชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา ทุกอย่างเริ่มต้นจากการค้นหาทองคำเพื่อนำกลับไปยังคลังของกษัตริย์สเปน และรวมถึงการที่เขาจับกุมคนเผ่าเมืองพันธุ์ต่าง ๆ มาเป็นทาส และการกระทำสถานการณ์ฆาตกรรมมวลชน (mass genocide) ในหลายที่ที่เขาเดินทางไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทั้งสี่เที่ยวรำลึก ซึ่งต่อมาถูกดำเนินต่อโดยประชาชนชาวยุโรปในระยะเวลาหลายสิบปี
มรดกของโคลัมบัสถูกส่งต่อมาในรูปแบบของการโต้แย้งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขาได้รับการยอมรับในระดับกว้างขวางเมื่อผ่านมาหลายศตวรรษหลังจากการตายของเขา แต่ความเข้าใจของประชาชนเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อนักวิชาการเริ่มให้ความสำคัญกับส่วนที่ไม่ดีในประวัติชีวิตของเขา เช่นการใช้ความรุนแรงต่อชนเผ่าพันธุ์ในการแสวงหาทองคำและการปราบปรามอย่างโหดร้ายต่อชนเผ่าไตโน ซึ่งส่งผลให้เกิดการใกล้สูญพันธุ์ เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาเรื่องการปกครองแบบเผด็จการต่ออาณานิคมของสเปน บนหมู่เกาะแคริบเบียนและชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้

ในยุคปัจจุบัน เกิดกระแสต่อต้านการรำลึกถึงคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เมื่อคนได้ค้นพบว่าเขามีกระแสพึงพอใจน้อยมากในประวัติศาสตร์ โคลัมบัสเป็นผู้ที่เริ่มต้นก่อเหตุการณ์ที่ไม่ดีเยี่ยมมากมายตามประวัติศาสตร์ของการค้นพบ ‘โลกใหม่’ ขณะที่เขาเดินทางมายังทวีปอเมริกา แหล่งข้อมูลบอกว่าเขามีบทบาทในการเริ่มกระบวนการทำลายและยึดครองทรัพยากรจากชนพื้นเมือง มีการค้นหาทองคำเพื่อนำกลับไปยังสเปนและกระทำการที่มนุษย์มนุษย์ต้องถูกจับกุมมาเป็นทาส และเรื่องที่เลวร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (mass genocide) ในหลายสถานที่ที่เขาได้เดินทางไป สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในทั้งสี่เที่ยวรำลึก และหลังจากนั้นถูกดำเนินต่อด้วยคนชาวยุโรปอีกนานนับหลายศตวรรษ
มรดกของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้รับการพิจารณาอย่างแพร่หลายในอดีตหลายสิบปีหลังจากเสียชีวิต แต่การเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อนักวิชาการเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่ดีในประวัติศาสตร์ของเขา เช่นการใช้ความรุนแรงต่อชนเผ่าพันธุ์ในการแสวงหาทองคำและการปราบปรามอย่างโหดร้ายต่อชนเผ่าไตโน ซึ่งส่งผลให้เกิดการใกล้สูญพันธุ์ เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาเรื่องการปกครองแบบเผด็จการต่ออาณานิคมของสเปนบนหมู่เกาะแคริบเบียนและชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้
ปี 2019 รัฐเวอร์มอนต์ เปลี่ยนชื่อวันโคลัมบัสไปเป็น วันชนพื้นเมือง แทน
รัฐเวอร์มอนต์ได้รับการเฉลิมฉลองใน วันของชนพื้นเมือง (Indigenous Peoples’ Day) ในทุกวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมเป็นเวลา 3 ปีแล้ว นับแต่รัฐบังคับข้อบังคับนี้โดยผู้ว่าการรัฐที่เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตตั้งแต่ปี 2016 ในปัจจุบัน กฎหมายนี้ได้รับการลงนามโดยฟิล สก็อตต์ผู้ว่าการรัฐคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นรีพับลิกัน โดยหมายเหตุว่าเขาได้ยกเลิกวันโคลัมบัสและเรียกวันนี้ว่าวันชนพื้นเมืองถาวร
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านไปการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายเช่นนี้ที่ถือว่าเป็นการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม กฎหมายนี้จะมีผลใช้บังคับในฤดูร้อนปีนี้ และวันที่ 14 ตุลาคม 2019 จะเป็นวันชนพื้นเมืองอย่างเป็นทางการเป็นวันแรก

วันโคลัมบัสเป็นวันหยุดชาติตั้งแต่ปี 1937 เพื่อเป็นเกียรติแก่นักสำรวจชาวอิตาเลียนที่ ‘ค้นพบ’ สหรัฐอเมริกาในวันที่ 12 ตุลาคม 1492 และเพื่อหาเสียงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งที่มีเชื้อสายอิตาเลียน จนปี 1971 มีการเปลี่ยนจากวันที่ 12 ตุลาคม เป็นทุกวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม เพื่อไม่ให้มีวันหยุดกลางสัปดาห์
การรำลึกถึงโคลัมบัสเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในสหรัฐอเมริกา โคลัมบัสมาจากยุโรปผ่านหมู่เกาะในแคริบเบียนเพื่อค้นหาโลกใหม่ แต่เขามีส่วนในการยึดครองหมู่เกาะแคริบเบียน และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐเวอร์มอนต์มีเบื้องต้นในการสนับสนุนการจับคนชนพื้นเมืองและการสำรวจหาทรัพยากร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถานการณ์ชาติในระดับชาติ ที่ยกย่องโคลัมบัสและการละเลยชนพื้นเมือง
สก็อตต์กล่าวว่า “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันได้จากหลายจุดยืน แต่คุณก็รู้ว่ามันแค่วันหนึ่ง และเราจะผ่านไปได้ ตอนนี้เราปฏิบัติต่อมันต่างไปจากหลายปีก่อน ถ้าไม่มีปัญหาทางเทคนิค ผมจะลงนามในกฎหมายนี้” อย่างไรก็ตาม การรำลึกถึงโคลัมบัสในท้องถิ่นไม่คงเส้นคงวาง บางรัฐและเมืองไม่เห็นว่าจะต้องจ่ายเงินชดเชยวันหยุดสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น แต่ทุกวันนี้วันโคลัมบัสกลายเป็นสิ่งที่แต่ละรัฐต้องพิจารณาการตัดสินในอดีต ในอดีต มีการคัดค้านการเปลี่ยนชื่อวันและข้อเสนอให้เพิ่มวันสำหรับชนพื้นเมืองแทน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนให้ผ่านในทางกฎหมายในส่วนใหญ่ของเครือข่ายรัฐและเมืองอเมริกาอื่นๆ อย่างไรก็ตาม บางรัฐได้เปลี่ยนวันโคลัมบัสไปแล้ว และบางที่อื่นๆ ยังไม่ได้ทำเช่นนี้ในปัจจุบัน
บทสรุป Columbus Day
Columbus Day เป็นวันสำคัญที่ถูกเฉลิมฉลองในหลายส่วนของโลก เพื่อระลึกถึงการค้นพบทวีปอเมริกาโดย Christopher Columbus และการสรรหาของเขา มันเน้นความสำคัญของการสำรวจและค้นพบทวีปใหม่ในประวัติศาสตร์ของโลกและสหรัฐอเมริกา แม้ว่ามันอาจมีการโต้แย้งเกี่ยวกับการสรรหาของ Columbus แต่มันยังคงเป็นวันสำคัญในการระลึกถึงประวัติศาสตร์และความสำคัญของการค้นพบทวีปใหม่ในโลกใหม่ของเรา อย่างไรก็ตาม มีการกล่าวถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิของชนพื้นเมืองและการสนับสนุนในการเปลี่ยนชื่อวันนี้เป็น Indigenous Peoples’ Day เพื่อระลึกถึงประชากรชนพื้นเมืองและสรรหาของ Columbus ที่มีผลในการกบฏของชนพื้นเมือง
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
ร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “วันโคลัมบัส Columbus Day ระลึกถึงการค้นพบทวีปอเมริกา”