ซอด้วง: เสียงแห่งความไพเราะและความดั้งเดิม
ท่ามกลางเสียงอันไพเราะและนุ่มนวลของเครื่องดนตรีไทย ซอด้วงถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยเสียงแหลมคมและบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทำนองเพลง ซอด้วงไม่เพียงแค่เป็นเครื่องดนตรีเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมาช้านาน เสียงของซอด้วงจะพาเราเดินทางไปสู่โลกอดีตอันแสนรื่นรมย์ พร้อมกับปลุกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่านี้
ซอด้วง
ซอด้วง เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทซอสองสาย มีเสียงแหลม ก้องกังวาน นิยมใช้บรรเลงในวงดนตรีไทยประเภทต่างๆ เช่น มโหรีและปี่พาทย์ ซอด้วงมีลักษณะคล้ายกับซอจีนที่เรียกว่า “หูฉิน” ตัวกะโหลกซอด้วงทำจากไม้ไผ่หรือไม้จริง ขึงหน้าซอด้วยหนังงูเหลือมหรือหนังแพะ ส่วนสายซอทำจากไหมหรือเอ็นสัตว์
ประวัติความเป็นมาของซอด้วง
ซอด้วงเป็น เครื่องดนตรีไทยประเภทสี ที่มีเสียงแหลม ก้องกังวาน มีสองสาย คันทวนยาวประมาณ 72 เซนติเมตร คันชักยาวประมาณ 68 เซนติเมตร ใช้ขนหางม้าประมาณ 120-150 เส้น กะโหลกของซอด้วงทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ส่วนหน้าซอนิยมใช้หนังงูเหลือมขึง เพราะทำให้เกิดเสียงแก้วเกิดความไพเราะอย่างยิ่ง
ซอด้วงมีรูปร่างเหมือนกับซอของจีนที่เรียกว่า “หูฉิน” ทุกอย่าง เหตุที่เรียกว่า ซอด้วง ก็เพราะมีรูปร่างคล้ายเครื่องดักสัตว์ เพราะตัวด้วงดักสัตว์ ทำด้วยกระบอกไม้ไผ่เหมือนกัน จึงได้เรียกชื่อไปตามลักษณะนั้นนั่นเอง
ความเป็นมาของซอด้วง
ต้นกำเนิดของซอด้วงนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น โดยได้รับอิทธิพลจากซอของจีนเข้ามา เดิมทีซอด้วงใช้กระบอกไม้ไผ่ทำเป็นกะโหลกซอ แต่ต่อมาได้มีการพัฒนามาใช้ไม้เนื้อแข็งแทน เพราะให้เสียงที่ไพเราะกว่า
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซอด้วงได้เข้ามามีบทบาทในวงดนตรีไทย โดยทำหน้าที่เป็นผู้นำวง โดยบรรเลงทำนองหลักด้วยทำนองหวานบ้าง เก็บบ้าง หรือเร็วบ้าง ตามความเหมาะสมที่มีอยู่ในเพลง
พัฒนาการของซอด้วง
ในสมัยรัตนโกสินทร์ ซอด้วงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการประดิษฐ์คันชักที่มีขนหางม้ายาวขึ้น เพื่อให้สามารถเล่นทำนองที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาวิธีการสีซอให้หลากหลายขึ้น โดยสามารถเล่นได้หลายแบบ เช่น เล่นแบบเก็บ เล่นแบบกลม เล่นแบบร่อน เป็นต้น
ปัจจุบัน ซอด้วงยังคงเป็นที่นิยมใช้บรรเลงในวงดนตรีไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงดนตรีไทยประเภทเครื่องสาย เช่น วงมโหรี วงปี่พาทย์ และวงดนตรีไทยร่วมสมัย
ส่วนประกอบของซอด้วง
ซอด้วงเป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทสีที่มีเสียงแหลม ก้องกังวาน ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ 5 ส่วน ดังนี้:
1. คันซอ
คันซอเป็นส่วนที่ยาวที่สุดของซอด้วง ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สักหรือไม้สะเดา มีลักษณะเป็นท่อนยาว เรียว คอตั้งตรง มีลูกบิดอยู่ที่ปลายทั้งสองด้าน ลูกบิดใช้สำหรับปรับแต่งเสียงของสายซอ
2. สายซอ
ซอด้วงมีสายสองสาย สายบนเรียกว่า สายเอก เสียงแหลม สายล่างเรียกว่า สายทุ้ม เสียงต่ำ สายซอทำด้วยสายไหมหรือสายสังเคราะห์
3. คันชัก
คันชักเป็นส่วนที่ใช้สีซอ ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มีลักษณะเป็นท่อนสั้น ปลายโค้ง มีขนหางม้าติดอยู่ประมาณ 120-150 เส้น ขนหางม้าใช้สำหรับสีสายซอเพื่อให้เกิดเสียง
4. กะโหลกซอ
กะโหลกซอเป็นส่วนที่ขึงหนังซอ ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้สะเดา หรือไม้มะค่า มีลักษณะเป็นกลวง โค้งมน ด้านหน้าขึงด้วยหนังงูเหลือมหรือหนังสุนัข หนังซอใช้สำหรับสะท้อนเสียงทำให้เกิดเสียงดังขึ้น
5. รัดอก
รัดอกเป็นส่วนที่ยึดคันซอกับกะโหลกซอเข้าด้วยกัน ทำด้วยไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ขนุนหรือไม้มะขาม รัดอกใช้สำหรับปรับแต่งองศาของคันซอเพื่อให้สายซออยู่ระดับที่เหมาะสม
วิธีการเล่นซอด้วง
ซอด้วงเป็นเครื่องดนตรีไทยที่มีเสียงแหลม ก้องกังวาน และไพเราะมาก ดังนั้นการเล่นซอด้วงจึงต้องใช้เทคนิคและความชำนาญอย่างสูง เพื่อให้ได้เสียงที่ไพเราะและถูกต้องตามทำนองเพลง
การจับซอด้วง
- นั่งตัวตรงและสบาย วางซอด้วงไว้บนฝ่ามือซ้าย โดยให้คันซออยู่แนบกับลำตัว จับคันชักด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ส่วนนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยใช้ประคองคันซอ
- วางคันชักระหว่างสายเอกกับสายทุ้ม โดยให้ขนหางม้าอยู่ห่างจากลูกบิดประมาณ 10 เซนติเมตร
- กดคันชักเบาๆ เพื่อให้สายซอแนบกับนิ้วโป้งและนิ้วชี้
การสีซอด้วง
- ใช้คันชักสีสายซอโดยดึงขึ้นและลงช้าๆ โดยให้ขนหางม้าสีกับสายซอ
- ใช้แรงกดจากนิ้วโป้งและนิ้วชี้เพื่อให้เกิดเสียง
- ใช้แรงกดน้อยๆ เพื่อให้เสียงเบา และใช้แรงกดมากขึ้นเพื่อให้เสียงดัง
การปรับแต่งเสียง
- หมุนลูกบิดที่ปลายคันซอเพื่อปรับแต่งเสียง
- หมุนลูกบิดไปทางขวาเพื่อเพิ่มเสียง และหมุนไปทางซ้ายเพื่อลดเสียง
เทคนิคการสีซอด้วง
มีเทคนิคการสีซอด้วงหลายแบบ เช่น
- การสีแบบเก็บ: เป็นการสีซอโดยใช้คันชักกดลงบนสายซอแล้วดึงขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว
- การสีแบบกลม: เป็นการสีซอโดยใช้คันชักสีสายซอไปมาในลักษณะวงกลม
- การสีแบบร่อน: เป็นการสีซอโดยใช้คันชักสีสายซอเบาๆ ในลักษณะแตะขึ้นแตะลง
- การสีแบบสั่น: เป็นการสีซอโดยใช้คันชักสีสายซอไปมาอย่างรวดเร็วในลักษณะสั่น
การฝึกซ้อม
การฝึกซ้อมเป็นประจำจะช่วยให้เล่นซอด้วงได้คล่องแคล่วและไพเราะขึ้น
บทบาทของซอด้วงในวงดนตรีไทย
ซอด้วงเป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทสายที่มีเสียงแหลม ก้องกังวาน มักใช้บรรเลงในวงดนตรีไทยประเภทเครื่องสาย เช่น วงมโหรี วงปี่พาทย์ และวงดนตรีไทยร่วมสมัย
บทบาทหลักของซอด้วงในวงดนตรีไทย คือ การเป็นผู้นำวง ทำหน้าที่บรรเลงทำนองหลักของเพลง โดยซอด้วงในวงดนตรีไทยมักใช้คันชักที่มีขนหางม้ายาวกว่าซอด้วงในวงดนตรีไทยพื้นบ้าน เพื่อให้สามารถเล่นทำนองที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ซอด้วงยังมีบทบาทอื่นๆ ดังนี้
- เป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงสูง จึงสามารถบรรเลงทำนองที่เป็นเสียงสูงๆ ได้ดี เช่น ทำนองที่ไพเราะ หวานซึ้ง หรือทำนองที่รวดเร็ว
- สามารถบรรเลงทำนองที่หลากหลาย เช่น ทำนองเพลงไทยเดิม ทำนองเพลงสากล หรือทำนองเพลงลูกทุ่ง
- สามารถบรรเลงได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบวง
ซอด้วงในวงดนตรีไทย จึงเป็นเครื่องดนตรีที่มีบทบาทสำคัญในการบรรเลงดนตรีไทย ช่วยให้เพลงมีความไพเราะและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
บทสรุป ซอด้วง: สัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมไทย
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีไทยที่เก่าแก่ที่สุด ซอด้วงได้ฝากบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนวงการดนตรีไทยมาช้านาน ด้วยเสียงแหลมคมและพลังอันทรงพลัง ซอด้วงจึงได้รับความนิยมอย่างมากในการบรรเลงเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานหรือเพลงที่มีอารมณ์เร้าใจ
ไม่เพียงแค่บทบาททางดนตรีเท่านั้น ซอด้วงยังเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมาแต่โบราณ เสียงอันไพเราะและทรงพลังของซอด้วงมักปรากฏอยู่ในงานพิธีกรรมและการแสดงต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างดนตรีกับวิถีชีวิตของคนไทย
ด้วยความพิเศษทั้งทางด้านเสียงและความหมาย ซอด้วงจึงได้รับการยกย่องให้เป็นเครื่องดนตรีไทยที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริง การอนุรักษ์และสืบทอดการเล่นซอด้วงจึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคน เพื่อให้เสียงอันไพเราะของซอด้วงยังคงดังกึกก้องไปชั่วลูกชั่วหลาน
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล
- ธนิต อยู่โพธิ์. (2523). เครื่องดนตรีไทย พร้อมด้วยตำนานผสมวง มโหรี ปี่พาทย์ และเครื่องสาย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์กรมศาสนา.
- อุทิศ นาคสวัสดิ์. (2546). ทฤษฎีและหลักปฏิบัติดนตรีไทย และพจนานุกรม ดนตรีไทย. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
- อัษฎาวุธ สาคริก. (2550). เครื่อง ดนตรีไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานอุทยานการเรียนรู้.
- ประดิษฐ์ อินทนิล. (2536). ดนตรไทยและนาฎศิลป์. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสร์น.
- กระทรวงวัฒนธรรม. (2562). สารานุกรมดนตรีไทย. กรุงเทพฯ: กระทรวงวัฒนธรรม.
ร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “ซอด้วง (เครื่องดนตรีไทย)”